แกงคั่วหอยพอกใบชะพลู เนื้อหอยเด้งดึ๋งดั๊ง

คุณมาโนช สมุทผา ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 2 รองประธานกรรมการกลุ่มท่องเที่ยวชุมชนท่าระแนะ เล่าว่า หอยพอกมีในป่าชายเลนตามธรรมชาติ อยู่ในดินป่าชายเลน เมื่อน้ำลงจะเห็นตัวหอย ชาวบ้านจะเดินเก็บเอาไปขายหรือทำอาหารเป็นของธรรมชาติ ใครๆ ก็เก็บได้ตลอดปี ยกเว้นเดือนมิถุนายนที่พ่นไข่จะไม่เก็บ
หากขายให้แม่ค้าในหมู่บ้าน กิโลกรัมละ 15 บาท แม่ค้ารวบรวมขายต่อให้พ่อค้าคนกลาง กิโลกรัมละ 20 บาท มีพ่อค้าคนกลางรับไปขายทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 40-50 บาท หากแกะเนื้อได้ 1 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 150 บาท
ส่วนใหญ่หอยพอกทั้งเปลือกนิยมนำไปย่างจิ้มน้ำพริกเกลือ (ซีฟู้ด) ที่หมู่บ้านท่าระแนะนิยมมาแกงคั่วใบชะพลู เป็นอาหารพื้นบ้านที่ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นทั้งหมด นำมาปรุงน้อยที่สุดเพื่อคงความอร่อยแบบธรรมชาติ โดยแกะเนื้อหอยมาแกงสดๆ หอยพอกทั้งเปลือก 10 กิโลกรัม แกะเนื้อได้ 1 กิโลกรัม

คุณละมุน เพ่งจินดา เลขากลุ่มท่องเที่ยวชุมชนท่าระแนะ แม่บ้านของกลุ่มเปิดสูตรพื้นบ้านโบราณ แกงคั่วหอยพอกใบชะพลู ดังนี้ คือ
เครื่องปรุง 1. เนื้อหอยพอกที่แกะแล้วสดๆ 1 กิโลกรัม ใส่ตะแกรงผึ่งให้สะเด็ดน้ำ 2. น้ำพริกแกงกะทิ 2 ขีด 3. เครื่องปรุงรส น้ำตาลปี๊บ 2 ขีด น้ำปลา 1 ช้อน เกลือเม็ด 1 ช้อนชา 4. ใบชะพลู ครึ่งกิโลกรัม หั่นเป็นเส้นๆ และแช่น้ำเย็นไว้สักครู่ บีบน้ำออกให้หมด 5. น้ำกะทิคั้นเอาเฉพาะหัวกะทิ 2 ลูก
วิธีการปรุง 1. นำกระทะตั้งไฟใส่หัวกะทิลงในกระทะพอประมาณที่ละลายน้ำพริกแกง คนละลายให้เข้ากัน รอให้เดือดและแตกมัน 2. ใส่เนื้อหอยลงในกระทะคนเบาๆ ปรุงรสด้วยเครื่องปรุง น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ เกลือ รอให้เดือด ชิมดูให้รสกลมกล่อม หวานๆ เค็มๆ และเผ็ดเล็กๆ ใส่ใบชะพลู และเติมหัวกะทิ (ไม่ให้น้ำใส) เคี่ยวต่อให้น้ำกะทิข้นแตกมัน จากนั้นรับประทานได้…กับข้าวสวยร้อนๆ เนื้อหอยที่เด้งดึ๋งดั๊งที่เข้ากับน้ำแกงใบชะพลูหวานๆ มันๆ อร่อยทุกคำทั้งข้าวทั้งแกง