พลั่วแซะดิน

พืชผักสวนครัวมีความสำคัญยิ่ง

เราชาวบ้านนิยมปลูกพืชผักสวนครัวไว้กินเอง สาเหตุที่ปลูกผักมิใช่ต้องการพืชผักปลอดสารพิษอย่างเดียว แต่เพราะเรามีวิถีชีวิตแบบพอเพียง ทำมาหาเลี้ยงตัวเองมานมนานแล้ว พืชผักเหล่านั้นเป็นต้นว่า ข่า ตะไคร้ มะกรูด พริก มะเขือ กะเพรา โหระพา แมงลัก และบวบ เป็นต้น

ผักเหล่านี้ปลูกง่าย เราชาวบ้านคุ้นชินกับการปลูกมาแต่บรรพกาล คนบ้านนอกแทบไม่มีบ้านไหนไม่มีพืชผักสวนครัวเป็นของตนเอง จะต่างกันก็เพียงของใครปลูกไว้มาก ใครปลูกไว้น้อยเท่านั้น

การปลูกขั้นแรกต้องเตรียมดิน

สมัยเก่าก่อนหรือถิ่นฐานที่มีดินอุดมสมบูรณ์ไม่ต้องเตรียมก็ได้ เพียงแต่กินแล้วโยนเมล็ดทิ้งลงไป พืชผักบางชนิดเมื่อฝนตกก็ขึ้นเอง ปล่อยไว้นานไปก็ไปเก็บมาประกอบอาหารได้สบายๆ

แต่การปลูกแบบนั้นมีข้อเสียอยู่ อย่างน้อย 1 อย่าง คือ พืชผักจะขึ้นไม่เป็นระเบียบ ไม่สามารถกำหนดตำแหน่งที่ควรจะขึ้นได้ จึงเหมาะสำหรับคนที่มีพื้นที่มากๆ ส่วนคนที่มีพื้นที่น้อยๆ หรือต้องการผลผลิตมากๆ จำเป็นต้องเตรียมดินเสียก่อน

การเตรียมดิน เราชาวบ้านมักใช้จอบขุดดินให้เป็นร่อง หรือไม่ก็ขุดเป็นแถวเป็นแนว สับดินให้แตก เพื่อพืชผักจะได้ขึ้นง่ายๆ แล้วหยอดเมล็ด หรือลงกล้าพืชผักที่เราต้องการปลูกลงไป

สมัยนี้ เรามีพลั่วขนาดเล็ก เข้ามาช่วยในการเตรียมดิน

เราเรียกว่า พลั่วแซะดิน ขนาดของมันกระชับมือ เครื่องมือชนิดนี้ใช้เตรียมดินได้สะดวกดี เมื่อเราใช้จอบขุดดินยกร่องแล้ว ก็ใช้พลั่วนี้แซะดินออกเป็นหลุมๆ เรามักใช้กับการแซะให้เกิดหลุมเล็กๆ แล้วหยอดเมล็ดพืชผักลงไป

นอกจากแซะดินเป็นหลุมเล็กๆ แล้ว เรายังใช้กับการขุดย้ายกล้าพืชผักอีกด้วย เป็นต้นว่า เมื่อเห็นว่ากะเพราขึ้นผิดที่ผิดทาง ฝนตกลงมาดินเปียกแฉะ เราก็ใช้พลั่วแซะดินนี้ไปแซะกะเพราออก แล้วใช้พลั่วแซะดินนี้เองขุดหลุมใส่ต้นกล้ากะเพราลงไป

การย้ายพืชผักเล็กๆ บางคนใช้ถอนต้น แล้วใช้จอบขุดหลุมปลูกในที่ต้องการ เรื่องนี้ไม่ได้ผิดกติกา เพราะเราชาวบ้านก็ทำกันมานาน และได้ผลดี

แต่ถ้าใช้พลั่วแซะดินจะนุ่มนวลกว่า เปอร์เซ็นต์ที่พืชผักรอดจะมีสูงกว่า เพราะเป็นการกระทำอย่างนุ่มนวล ไม่บุ่มบ่าม ไม่หักโหมรุนแรง ถ้าจะเปรียบเทียบกับการแต่งงานของหญิงสาวชาวบ้าน ก็ได้แต่การแต่งงานตามประเพณี ไม่ใช่รักกันหนาก็พากันหนี หรือไม่ฉุดคร่าข่มขืนน้ำใจเอาสาวเจ้ามาอย่างไม่เมตตา

การที่ชายกับหญิงจะมาอยู่ด้วยกัน ชาวบ้านแถวๆ อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อก่อนมี 3 รูปแบบ คนสมัยนี้อาจไม่รู้จักบางรูปแบบแล้ว เพราะเลือนหายไปกับกาลเวลา

แบบที่หนึ่งรุนแรงสุดคือ หนุ่มไหนชอบสาวใด ก็พาพวกไปฉุดเอามา แล้วติดต่อกับญาติฝ่ายหญิงเพื่อไปส่งตัวตามประเพณี แบบนี้พ่อ แม่หญิงไม่ชอบ และตัวผู้หญิงเองก็ไม่ชอบ แบบที่สองพาหนี เมื่อหนุ่มสาวรักกันก็พากันหนีไป แล้วส่งญาติมาติดต่อเพื่อส่งตัวตามประเพณี แบบนี้ฝ่ายหญิงและชายชอบ เพราะยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย แต่พ่อ แม่หญิงไม่ชอบ เพราะไม่เข้าตามตรอกออกตามประตู

ประเภทที่สามนุ่มนวลที่สุด ชอบกันทุกๆ ฝ่าย คือแต่งงาน เมื่อรักกันชอบกันฝ่ายชายก็ส่งเถ้าแก่ไปสู่ขอฝ่ายหญิง ทำให้ชื่นมื่นด้วยกันทุกฝ่าย

การย้ายกล้าพืชผักด้วยพลั่วแซะดินก็นุ่มนวลดุจเดียวกัน

พลั่วแซะดิน เราหาซื้อตัวพลั่วตามท้องตลาด แล้วหาไม้มาทำด้ามเอาเอง แต่ปัจจุบันไม่ต้องทำด้ามเองก็ได้ เพราะมีชนิดที่มีด้ามให้เรียบร้อยแล้ว มีทั้งด้ามไม้ และด้ามเหล็กเป็นเนื้อเดียวกันกับพลั่วเลยก็มี ใครถนัดใช้อย่างไร ก็เลือกซื้อได้ตามสบาย

พลั่วแซะดิน เราชาวบ้านเลือกใช้กับงานเล็กๆ หมายถึง งานที่ไม่ออกแรงมาก อย่างแซะเอากล้าไม้ไปปลูก ขุดหลุมเล็กๆ บางทีก็ใช้ทุบดินในร่องผักให้แตก ถ้าเป็นงานหนักกว่านั้น อย่างขุดหลุมใหญ่ๆ ลึกๆ เขาก็จะใช้จอบ

เครื่องมือของใช้ชาวบ้านมีมากมาย เราชาวบ้านเลือกใช้กันเหมาะสมกับงานอยู่แล้ว มีบางครั้งเท่านั้นที่เรานำเครื่องมือมาใช้ผิดประเภท แต่นั่นหมายถึง ต้องเสี่ยงอันตราย หรือไม่ก็ล่าช้า ใช้เวลามากกว่าที่ควรจะเป็น อย่างใช้มีดฟันต้นไม้ แทนที่จะใช้ขวาน เป็นต้น

แม้เราจะรู้ๆ กันอยู่ว่า เครื่องมือชนิดไหนใช้กับอะไร

แต่บางครั้งเราก็อยู่ในฐานะเลือกไม่ได้มากนัก จึงจำต้องเลือก ทำให้บางครั้งเกิดปัญหาตามมา