ที่มา | ผลิตภัณฑ์น่าซื้อ |
---|---|
ผู้เขียน | บุญฤทธิ์ เผือกวัฒนะ |
เผยแพร่ |
คุณเสกสันติ์ รอบรู้ และ คุณอัญชลี พงค์ศิริแสน สองสามีภรรยา จากชีวิตจริงในอดีตจากการไม่รู้สู่การเรียนใฝ่คว้าหาความรู้ ฝึกฝนการทอผ้าไหมจนชำนาญ ผลิตผ้าไหมไทยยกดอกจนเป็นสินค้าโอท็อป ระดับ 5 ดาว ออกสู่สายตาชาวไทยและต่างประเทศจนได้รับรางวัลระดับ Asian
ฉบับนี้ ผู้เขียนได้นำสิ่งดีๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยมานำเสนอท่านผู้อ่านโดยผู้เขียนได้ไปสนทนากับสองสามีภรรยา ณ ศูนย์ท่องเที่ยวเชิงเกษตรด้านหม่อนไหม
คุณเสกสันติ์และคุณอัญชลี อยู่บ้านเลขที่ 9 หมู่ที่ 2 บ้านท่อสมาน ตำบลเตาปูน อำเภอสอง จังหวัดแพร่ 54120 ภายในบริเวณบ้านเปิดเป็นศูนย์ท่องเที่ยว โรงทอผ้าไหม ห้องแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทย
แต่กว่าจะมาถึงวันนี้คุณเสกสันติ์-คุณอัญชลี เล่าย้อนอดีตให้ฟังว่า เมื่อ 20 กว่าปีก่อนทั้งสองไปทำงานเกี่ยวกับผ้าไหมที่จังหวัดลำพูน และได้ขอรับการฝึกหัดทอผ้าไหม พอได้ทักษะประสบการณ์ก็กลับมาทอผ้าเองที่บ้าน ต้องทำเองทุกอย่างในการทอผ้าไหม
ในช่วงเวลาหนึ่งได้รับการสนับสนุนให้ออกแบบผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยได้ไปออกงานแสดงนิทรรศการมีผู้หลักผู้ใหญ่เข้ามาดูและชื่นชมในผลงาน จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความมุ่งมั่นผลิตผ้าไหม และได้รับเครื่องหมายตรานกยูงพระราชทานสีน้ำเงิน จากกรมหม่อนไหม เมื่อปี พ.ศ. 2552 ก็ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับอาเซียน ชื่อรางวัล Asian Top Award ผ้าไหมไทยที่ได้รับรางวัลเป็นลายประยุกต์มาจากไก่ฟ้าพญาลอ
ซึ่งเป็นเรื่องราวบางตอนในลิลิตพระลอ ตำนานเล่าขานของอำเภอสอง แต่ก่อนที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์เด่นๆ ของ “อัญชลีไหมไทย” ทั้งสองได้เริ่มก่อตั้งโรงทอผ้าไหมมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 จากกี่เพียงหลังเดียว และเป็นผู้ริเริ่มเจ้าแรกในการทอผ้ายกดอกเจ้าเดียวในเมืองแพร่ก็ว่าได้ ต่อมาก็ชักชวนคนในชุมชนให้มาฝึกทอผ้าไหมจากง่ายไปหายากทั้งมีค่าตอบแทนให้ด้วย วัตถุประสงค์ที่มุ่งมั่นทุ่มเทการทอผ้าไหมก็ต้องการจะเผยแพร่ อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม พัฒนาสร้างสรรค์ ผ้าทอให้เป็นเอกลักษณ์ของชุมชนในจังหวัดแพร่
ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยของ “อัญชลี ไหมไทย” มีให้เลือกชมหรือหาซื้อหลายรูปแบบและหลายลวดลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและทรงคุณค่าต่อการสวมใส่
ผ้าไหมยกดอกแบบดั้งเดิม
ได้แก่ ผ้าไหมยกดอกลายไก่ฟ้าพญาลอ คุณเสกสันติ์ อธิบายให้ฟังว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นของกลุ่ม มีการนำเอาเรื่องราวในท้องถิ่นมาผูกไว้ในผ้าทอ แนวคิดในการออกแบบได้มาจากเรื่องราวบางตอนในลิลิตพระลอโดยส่วนที่ทอยกขึ้นเป็นรูปลักษณะของตัวไก่ฟ้า มายกลายกับดอกไม้เครือเถาว์ ซึ่งเป็นลวดลายตรงในส่วนท้องผ้า ซึ่งทอยกด้วยไหมและมีช่อแทงลายวิ่งตลอดขอบบนและขอบล่างของท้องผ้า มีสังเวียนขอบผ้าประกอบทั้งด้านบนและด้านล่างทอยกด้วยดิ้นทอง ในส่วนของกรวยเชิงเป็นรูปทรงใบโพธิ์ด้านในทอเป็นลายไก่ฟ้าคู่ประกอบใบเทศ ที่นับว่าเป็นเอกลักษณ์ คือ ผ้าไหมยกดอกลายไก่ฟ้าพญาลอ มีลวดลายผ้าทอที่สวยงดงาม
ผ้ายกทองสังเวียนแบบโบราณ
เป็นผ้ายกที่มีจำนวนตะกอดอกมากกว่าพันตะกอ ซึ่งใน 1 ลวดลาย จะทอผ้าขึ้นมาเพียง 1 ผืน แต่ละผืนต้องใช้เวลาถึง 8 เดือน เนื่องจากเป็นผ้าที่ต้องใช้กรรมวิธีหลายขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบต้องใช้เวลาถึง 3 เดือน เข้าไปแล้ว กับใช้เวลาทอผ้าอีก 5 เดือน ซึ่งผู้ออกแบบคือ คุณเสกสันติ์ ส่วนคนทอคือ คุณอัญชลี จึงมีเพียง 1 ชิ้น นับว่าเป็นงาน Master piece ระดับโลกเลยทีเดียว ผ้ายกทองนี้โบราณใช้นุ่งสำหรับคนระดับบน ในการออกงานพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ปัจจุบันหาคนทอได้ยาก จึงเป็นที่ต้องการของคนที่ชอบสะสมผ้ายกทองแบบโบราณ
คุณสมบัติและลักษณะเด่น ผ้าไหมยกดอกแบบดั้งเดิมมีข้อดีคือ ทำให้ได้รวมกันอนุรักษ์วิถีชีวิตในงานศิลปวัฒนธรรมแบบเก่าก่อน โดยรักษาเอกลักษณ์และจิตวิญญาณ ดั้งเดิมของงานเอาไว้ได้ ลักษณะเด่นคือ การนำเรื่องราวในท้องถิ่นบวกการผสมผสานกับการออกแบบลวดลายที่เน้นความวิจิตร สวยงามของลายไทย เพื่อให้ลวดลายผ้าที่ทอออกมามีลักษณะที่โดดเด่นสวยงาม ชิ้นงานมีความเรียบร้อย มีความประณีตในการทอ จึงได้คุณภาพงานที่ดี ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ทางกลุ่มให้ความสำคัญที่สุด ส่วนลวดลายก็ให้มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง
การตลาด
ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยของ “อัญชลี ไหมไทย” ได้เริ่มออกสู่ตลาดเมื่อปี พ.ศ. 2543 จากผ้านุ่งหน้าบางลายไก่ฟ้า ต่อมาก็มีผลิตภัณฑ์ผ้าฝ้าย ผ้าถุงไหมทอยกดอก กลุ่มผู้ซื้อจะเป็นผู้ซื้อทั่วๆ ไป ผ้าถุงเจ้านางแกมดิ้นทอง เป็นสินค้าของกลุ่มตลาดผู้ซื้อระดับกลางถึงระดับบน ที่ใช้สวมใส่ในงานพิธีต่างๆ หรือสำหรับการถ่ายทำปฏิทินและผ้าไหมยกทองแบบโบราณ ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นมีคุณค่าราคามาตรฐาน คุณภาพโอท็อป ระดับ 5 ดาว และเครื่องหมายตรานกยูง เป็นเครื่องการันตีคุณภาพ
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ผ้าไหมไทยในอนาคต
คุณเสกสันติ์ บอกว่า เมื่อประเทศไทยได้เข้าสู่ AEC หรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ได้คิดวางแผนเตรียมผลิต ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยที่มีการสื่อ อธิบายหรือผูกเรื่องราวหรือเล่าเรื่องวิถีชุมชนความเป็นชาติพันธุ์ที่มีศิลปวัฒนธรรมและการแต่งกายที่เป็นอัตลักษณ์ของคนไทย เพื่อให้ชาวต่างประเทศได้เข้ามาศึกษาชื่นชมในงานฝีมือ เพราะงานในลักษณะนี้ปัจจุบันหาคนทำได้ยากยิ่งแล้ว
หากท่านประสงค์จะติดต่อ “อัญชลี ไหมไทย” ได้ทางโทรศัพท์ (081) 289-4853 ถ้าท่านจะเดินทางไปเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยที่บ้าน คุณเสกสันติ์-คุณอัญชลี ขับรถผ่านหน้าโรงพยาบาลสอง ไปจนสุดถนน 4 เลน ก็จะเป็นถนน 2 เลน ตรงไปอีกนิดจะข้ามสะพานคลองชลประทานเล็กๆ เลยปั๊มน้ำมันเลี้ยวขวาตรงศาลาริมทางหลังคาสีเหลือง เห็นป้ายหมู่บ้านท่อสมาน เข้าไป 500 เมตร มีป้ายอัญชลี ไหมไทย
ขอขอบคุณ ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ แพร่