ครม. เคาะงบ 148 ล้าน ตั้งรับ “อหิวาต์หมู” ดันเป็นวาระแห่งชาติ ชี้ หากระบาดไทยสูญเฉียดแสนล้าน

ครม. ไฟเขียว แผนรับมืออหิวาต์แอฟริกาหมูเป็นวาระแห่งชาติ หวั่นระบาดคร่าชีวิตหมูไทยสูญรายได้เฉียดแสนล้าน

นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) แผนเตรียมความพร้อมรับมือโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever : ASF) ของประเทศไทยเป็นวาระแห่งชาติ ภายใต้งบประมาณ 148.542 ล้านบาท โดยปีงบประมาณ 2562 เป็นเงิน 53.604 ล้านบาท ใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในปีงบประมาณ 2563 เป็นเงิน 52.419 ล้านบาท และปีงบประมาณ 2564 เป็นเงิน 42.519 ล้านบาท และโรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันและควบคุมโรค เชื้อโรคทนทานในผลิตภัณฑ์จากสุกรและสิ่งแวดล้อมสูง สุกรที่หายป่วยแล้วจะเป็นพาหะของโรคได้ตลอดชีวิต สุกรที่ติดเชื้อมีการตายเฉียบพลันเกือบ 100%

การเสนอครม. เพื่อเตรียมแผนรับมือสถานการณ์การระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาที่ระบาดเป็นวงกว้างขึ้น โดยตั้งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบัน พบการระบาดใน 17 ประเทศ แบ่งเป็นทวีปยุโรป 10 ประเทศ ทวีปแอฟริกา 4 ประเทศ และทวีปเอเชีย 4 ประเทศ โดยในทวีปเอเซียมีรายงานการระบาดครั้งแรกที่สาธารณรัฐประชาชนจีน พบมีรายงานการทำลายสุกรในจีน 950,000 ตัว ประเทศมองโกเลียมีรายงานการทำลายสุกร 2,992 ตัว เวียดนามมีรายงานการทำลายสุกร 46,600 ตัว ส่วนที่กัมพูชาเพิ่งพบการติดเชื้อ ประมาณการความเสียหายเบื้องต้นมูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท

“ยืนยันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรไม่ติดจากสุกรสู่คน โรคนี้เป็นโรคติดต่อร้ายแรงในสุกร หากติดเชื้อไวรัสก่อโรค อัตราการตายของสุกรเกือบ 100% จึงต้องเตรียมพร้อมเต็มที่ป้องกันความเสียหายต่อเกษตรกรที่เลี้ยงสุกร รวมถึงอุตสาหกรรมต่อเนื่องมูลค่ากว่า 100,000 ล้านบาท ดังนั้นการยกระดับแผนเตรียมพร้อมรับมือโรค ASF เป็นวาระแห่งชาติจึงส่งผลดีทั้งการป้องกันโรค การเผชิญเหตุ การฟื้นฟู ตลอดจนการเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจจากการส่งออกสุกรไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่ขาดแคลนสุกร ราคาสุกรจะเพิ่มขึ้นทันทีจาก40 บาทต่อกิโลกรัมเป็น 80 บาทต่อกิโลกรัม”

กฤษฎา บุญราช
กฤษฎา บุญราช

นายกฤษฎา กล่าววว่า ขณะนี้การระบาดของโรค ASF ยังไม่สามารถควบคุมได้ ในจีนพบ 113 ครั้ง ใน 28 จังหวัด มองโกเลีย 10 ครั้ง ใน 6 จังหวัด เวียดนาม 221 ครั้ง ใน 17 จังหวัด และกัมพูชา 1 ครั้ง ใน 1 จังหวัด จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะระบาดเข้าสู่ไทยได้ทั้งจากการลักลอบนำผลิตภัณฑ์สุกรติดตัวของนักท่องเที่ยว ซึ่งกรมปศุสัตว์ได้เข้มงวดจับกุมการลักลอบเคลื่อนย้ายสุกร ซากสุกร และผลิตภัณฑ์สุกรที่นักท่องเที่ยวนำมาบริโภคอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่มีการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรที่จีนตรวจยึดการลักลอบเคลื่อนย้ายผลิตภัณฑ์จากสุกร 269 ครั้ง และผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีการปนเปื้อนสารพันธุกรรมเชื้อไวรัสนี้ 49 ตัวอย่าง ล่าสุดพบการลักลอบนำผลิตภัณฑ์สุกรและซากสุกรผ่านช่องทางนำเข้าชายแดนที่มีระยะทางยาว อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากการปนเปื้อนของเชื้อไวรัสจากตัวเกษตรกรหรือสัตวแพทย์ที่ไปดูงานในประเทศที่มีการระบาดของโรค การปนเปื้อนเชื้อไวรัสที่ยานพาหนะ วัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ส่งออกสุกรและอาหารสุกรไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ซึ่งเห็นพ้องว่า ควรจัดให้มีคณะกรรมการอำนวยการป้องกัน ควบคุมและกำจัดโรค โดยมีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นกรรมการและเลขานุการ และอธิบดีกรมปศุสัตว์เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ โดยคณะกรรมการประกอบไปด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคสหกรณ์ผู้เลี้ยงสัตว์ และภาคเอกชน ในระยะเผชิญเหตุการระบาด การตอบสนองในภาวะฉุกเฉินเมื่อมีการระบาด โดยมีมาตรการควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพ ส่วนระยะภายหลังเผชิญเหตุการระบาดนั้นสามารถฟื้นฟูเพื่อปรับสภาพความเป็นอยู่ของเกษตรกรและผู้ที่ได้รับผลกระทบให้กลับสู่สภาวะปกติหรือพัฒนาให้ดีกว่าและปลอดภัยกว่าเดิม ลดปัญหาการเกิดโรคอุบัติซ้ำ

ดำเนินการระยะเร่งด่วนในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรค สำหรับระยะยาวให้ยกระดับมาตรการการควบคุมป้องกันโรคให้มีมาตรฐานสากล โดยจัดสร้างโรงทำลายซากสัตว์ติดเชื้อ เนื่องจากเชื้อ ASF คงทนในสภาพแวดล้อมสูง อีกทั้งหากทำลายโดยการฝังจะต้องใช้พื้นที่จำนวนมากและการดำเนินการทำลายเป็นไปด้วยความยากลำบาก มีโอกาสที่เชื้อจะตกค้างและแพร่กระจายในสิ่งแวดล้อม หรือหากทำลายโดยวิธีการเผาจะก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม จึงจำเป็นต้องมีวิธีการกำจัดซากที่ติดเชื้ออย่างเหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาข้างต้น

ไทยมีเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร 210,978 ราย เป็นเกษตรกรรายย่อย 208,192 ราย เลี้ยงสุกรขุน 80,000 ตัว สุกรพันธุ์ 63,000 ตัว ลูกสุกร 733,000 ตัว เป็นเกษตรกรรายใหญ่ 2,758 ราย เลี้ยงสุกรขุน 8,800,000 ตัว สุกรพันธุ์ 1,137,000 ตัว และลูกสุกร 4,670,000 ตัว หากเกิดการระบาดของโรคแล้วทำลายสุกร กรณีเกิดโรค 30% ของสุกรที่เลี้ยง เสียหายรวม 21,168 หมื่นล้านบาท กรณีเกิดโรค 50% ของสุกรที่เลี้ยง เสียหายรวม 35,280 หมื่นล้านบาท หากเกิดโรค 80% ของสุกรที่เลี้ยงเสียหายรวม 56,448 หมื่นล้านบาท และถ้าเกิดการระบาดทั้งหมดจะเสียหายรวม 70,560 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ ยังรวมถึงผลกระทบต่อการส่งออกเนื้อสุกรชำแหละ เนื้อสุกรแปรรูป เนื้อสุกรมีชีวิต ด้านธุรกิจอาหารสัตว์ ด้านธุรกิจเวชภัณฑ์อีกมหาศาล รวมถึงค่าใช้จ่ายในการพื้นฟูอาชีพและความเป็นอยู่เกษตรกรเป็นจำนวนมากและใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูเป็นเวลานาน แต่หากประเทศไทยมีระบบการป้องกันโรคที่ดี รวมทั้งระบบการทำลายสุกรที่เป็นโรคและซากสัตว์ที่เป็นพาหะของโรคระบาดเป็นไปตามมาตรฐานสากล สามารถป้องกันไม่ให้เกิดโรคในประเทศได้ จะเป็นโอกาสทางธุรกิจเนื่องจากความต้องการสุกรของจีน เวียดนาม และกัมพูชา เพิ่มสูงขึ้น จากเดิมก่อนเกิดโรคราคาสุกรมีชีวิตของประเทศไทยกิโลกรัมละ 60 บาท ภายหลังเกิดโรคคาดการณ์ว่า จะทำให้ราคาสุกรในประเทศมีราคาเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 80 บาท เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 44,000 ล้านบาท ต่อปี