เผยแพร่	วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ.2563

รศ.ดร.ยุวเรศ เรืองพานิช รองหัวหน้าภาควิชาฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ ภาควิชาสัตวบาล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน เผยว่า

การที่ผู้คนถาโถมเลือกไข่ เป็นอาหารคู่ครัวในยามวิกฤตนั้น ถ้าไม่มองเรื่องของความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ถือเป็นภาพที่น่ายินดีเพราะส่วนตัวอยากเห็นคนไทยกินไข่เพิ่มขึ้นมากๆ มานานแล้ว ไข่เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดีและราคาถูกเหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัย แต่นั่นหมายถึงว่าไข่นั้นต้องมีความสด มีโปรตีนที่คงสภาพที่ดี และร่างกายเรานำไปใช้ได้ดีด้วย ประโยชน์จึงจะเกิดสูงสุด

ในวันที่หลายคนหันมากินไข่กันแบบบ้าคลั่งนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่อยากให้ข้อมูลด้วยว่า

คุณภาพไข่ไก่เริ่มเสื่อมตั้งแต่วินาทีแรกที่ออกจากก้นแม่ไก่ และเสื่อมอย่างต่อเนื่องตามระยะเวลาการเก็บรักษาและอุณหภูมิของสภาพแวดล้อมในการเก็บ

“ใครที่กักตุนไข่เพราะมีตู้เย็นพร้อมในการเก็บรักษาไข่จำนวนมากก็ทำไปค่ะ แต่ถ้าใครที่ซื้อไข่มาวางไว้ที่อุณหภูมิห้องนั้นแนะนำว่าไม่ควรซื้อมาตุนเกิน 7 วัน เพราะคุณภาพจะเสื่อมลงและเราจะไม่ได้ประโยชน์ของสารอาหารที่ดี จากการกินไข่นั้น นอกจากทำให้แค่รู้สึกอิ่ม”

นอกจากนี้ยังเผยอีกว่า “ไข่เก่าเก็บ คุณภาพไข่ขาวจะเสื่อม กลายเป็นไข่ขาวที่เหลวเป็นน้ำและแบนราบ โปรตีนเสียสภาพ ทานไปไม่ได้ประโยชน์ ดังนั้นเวลาได้ไข่ดาวโปะมาเต็มจานข้าวกระเพราอย่าไปหลงดีใจนะคะ”

ทั้งนี้เนื่องจาก ที่เปลือกไข่มีรูมากมาย ราวเกือบ 20000 รู ต่อฟอง เมื่อเราเก็บไข่ไปนานๆ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำจะระเหยผ่านทางรูเปลือกไข่นี้ออกมา ทำให้ไข่ขาวมีความเป็นด่างเพิ่มมากขึ้นและทำให้โปรตีนเกิดการเสียสภาพ ไข่ขาวเหลวเป็นน้ำ รับประทานไปไม่ได้ประโยชน์

ส่วนข่าวที่ว่า การนำน้ำมันพืชทาเปลือกไข่แล้วจะสามารถเก็บไว้ได้เป็นปี

คำตอบก็คือไม่จริง

การเอาน้ำมันพืชไปทาอาจช่วยเคลือบรูที่บริเวณเปลือกไข่ไว้ได้และป้องกันการสูญเสียก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำได้เพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น แต่ไม่มีทางที่จะรักษาคุณภาพไข่ไก่ได้เป็นปี

ข่าวดังกล่าว สร้างความเข้าใจที่ผิด วิธีการเก็บไข่ที่ดีคือเก็บในตู้เย็น หรือหากไม่มีตู้เย็นควรเก็บทีอุณหภูมิห้องในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก

สรุปก็คือ ไข่ไก่บ้านเราผลิตได้ทุกวัน และมีจำนวนมากพอ การตุนแต่พอควร อย่าขุดหลุมให้ตัวเองเดินลงไป ให้คนฉวยโอกาสได้ซ้ำเติม