กสส.ปลื้มชาวเชียงใหม่ ขานรับสินค้าสหกรณ์ผ่านตลาดจริงใจ ขายได้ 2 หมื่นบาท ต่อวัน

ภาคเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ ได้ช่วยผลักดันให้สินค้าที่เกษตรกรผลิต มีชีวิตขึ้นมาได้อีกครั้ง ดังเช่นที่ตลาดจริงใจมาร์เก็ต ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ ที่ได้นำผลผลิตให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อผ่านรูปแบบการจัดตลาดที่สะอาด เป็นระเบียบ น่าเดินชมสินค้าและบรรยากาศที่ผ่อนคลาย จนกลายเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมในวันหยุดสุดสัปดาห์

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วย นายสุริยะ คำปวง สหกรณ์จังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่เยี่ยมชมตลาดจริงใจมาร์เก็ต อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นตลาดของภาคเอกชนที่ได้เปิดพื้นที่ให้เกษตรกรนำผลผลิตจากสวนของตนเองมาจำหน่าย หนึ่งในนั้นสินค้าจากกลุ่มเกษตรกรรมยั่งยืนห้วยทราย เป็นกลุ่มอาชีพสังกัดสหกรณ์เกษตรอินทรีย์เชียงใหม่ จำกัด นำผลผลิตของสมาชิกมาวางจำหน่าย และได้รับการตอบรับอย่างมากเนื่องจากเป็นกลุ่มผู้ปลูกข้าวอินทรีย์และผักอินทรีย์ เป้าหมายต่อไปคือส่งเสริมการแปรรูปเพิ่มมูลค่า ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้สนับสนุนงบประมาณเพื่อการพัฒนาอาชีพให้กับสหกรณ์ทั่วประเทศเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แห่งละประมาณ  1 แสนบาท โดยทางกลุ่มเกษตรกรรมยั่งยืนห้วยทรายได้นำมาซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ในการแปรรูปข้าวอินทรีย์ ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ ดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคและช่วยเพิ่มมูลค่าได้อย่างน่าพอใจ

ทั้งนี้ กรมมีนโยบายในการส่งเสริมการผลิตเกษตรอินทรีย์ หรือผักปลอดภัย แม้ว่าการทำเกษตรอินทรีย์นั้นทำยากในช่วงเริ่มต้นและต้องใช้เวลา แต่ถือเป็นทางเลือกสำหรับประชาชนที่รักสุขภาพ โดยกรมวิชาการเกษตรจะเป็นหน่วยงานที่เข้ามาตรวจรับรองเกษตรอินทรีย์ หรือให้รับรองแบบกลุ่มเพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจผลผลิต ซึ่งการบริโภคสินค้าที่ปลอดภัยกำลังเป็นเทรนของโลก ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เองก็มีแผนงานโครงการสนับสนุนเกษตรอินทรีย์เช่นกัน

ในส่วนของกรม ได้ส่งเสริมให้ผลิตและเชื่อมโยงกับตลาดต่างๆ รวมถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตสหกรณ์ที่ นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เริ่มต้นไว้ ปัจจุบัน มีสหกรณ์ที่ส่งเสริมสมาชิกทำเกษตรอินทรีย์กระจายไปหลายจังหวัด ทำให้สมาชิกสหกรณ์มีรายได้เสริมมาเลี้ยงครอบครัวได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

นพวรรณ ทิพวงศ์ กรรมการกลุ่มเกษตรกรรมยั่งยืนห้วยทราย อำเภอสันกำแพง เปิดเผยว่า ทางกลุ่มได้ส่งเสริมสมาชิกปลูกข้าวอินทรีย์ และนำมาแปรรูปเป็นแป้งข้าว รวมถึงจำหน่ายผักอินทรีย์ เช่น ผักหวาน คะน้า ผักกูด ผักสลัด และเมล็ดพันธุ์ผักอินทรีย์ และผลิตอาหารโปรตีนทางเลือก เช่น การเลี้ยงแมลงจิ้งโกร่ง ปัจจุบัน กลุ่มได้นำวัตถุดิบที่กลุ่มผลิตได้มาแปรรูปเพิ่มมูลค่าและสามารถที่เก็บรักษาผลผลิตไว้ได้นานหรือแปรรูปในช่วงที่ราคาตกต่ำ โดยกรมสนับสนุนงบประมาณอุปกรณ์และฝึกอบรมเทคโนโลยีการผลิตฯ จากกรมส่งเสริมสหกรณ์ ปีงบประมาณ 2563 อาทิ เครื่องบดแป้ง เครื่องผสมแป้ง  เครื่องรีดแป้ง หม้อต้มแป้ง

“กลุ่มเสนอขออุปกรณ์เหล่านี้เพราะต้องการนำมาแปรรูปข้าวอินทรีย์ที่กลุ่มผลิต โดยเราได้ผลิตเป็นแป้งข้าว จากเดิมขายได้กิโลกรัมละ 50 บาท เมื่อผลิตเป็นแป้งข้าว ขายได้กิโลกรัมละ 120 บาท โดยข้าว 1 กิโลกรัม ทำแป้งข้าวได้  800 กรัม แนวคิดนี้เกิดจากทางกลุ่มไปเจอลูกค้าที่เป็นกลุ่มเชฟ ซึ่งให้ผลิตแป้งข้าวส่งร้านขนมชื่อดังที่กรุงเทพฯ ที่ทำเค้กและเบเกอร์รี่จากแป้งข้าว ต่อมากลุ่มได้ทดลองนำแป้งข้าวอินทรีย์มาผลิตเป็นเส้นพาสต้าเส้นสด จะได้เส้นที่เนื้อสัมผัสเหมือนกับเส้นพาสต้าจากแป้งสาลี เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำหลังจากที่ได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์และเครื่องมือมาแปรรูป

ขณะนี้ลูกค้าก็เริ่มติดใจหลายคนบอกว่าให้ทำอบแห้งจะได้ซื้อเก็บไว้นานๆ ปัจจุบัน เริ่มทำเส้นพาสต้าผสมแมลงจิ้งโกร่งที่มีโปรตีนสูงและแปรรูปเป็นคุ้กกี้แมลง ซึ่งแมลงจิ้งโก่ง ทางกลุ่มเลี้ยงเองโดยอาหารที่ใช้เลี้ยง คือพืชผักอินทรีย์ในแปลงของสมาชิก”

ปัจจุบัน กำลังแปรรูปผักเคลอินทรีย์ เป็นผงผักเคล ซึ่งสมาชิกนิยมปลูกกันมาก เพิ่งเริ่มทำไม่ถึงเดือน แต่มีลูกค้ามาติดต่อขอซื้อกันล่วงหน้าแล้ว ผงผัก แคลสีและรสเหมือนกันชาเขียว แต่คุณค่าทางอาหารสูงมากและกำลังได้รับความนิยมในตลาดรักสุขภาพเช่นกัน เมื่อผลิตแล้วก็ให้ลูกค้าที่เป็นเชฟ  เบเกอรี่ทำขนมผลออกมารสชาติดี สีสวยลูกค้าถูกใจ การผลิตใช้ผักเคลประมาณ 10 กิโลกรัม จะได้ผงผักเคล ประมาณ  1 กิโลกรัม ราคาจำหน่าย 8,000 บาท ต่อกิโลกรัม ขนาด  60 กรัม ราคา 364 บาท หากขายใบสดขายได้กิโลกรัมละ 100  บาท

สำหรับสหกรณ์เกษตรอินทรีย์เชียงใหม่ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2546 ปัจจุบันดำเนินธุรกิจ 6 ธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจรวบรวมผลิตผล (รวบรวมข้าวเปลือก) ธุรกิจสินเชื่อ ธุรกิจรับฝากเงิน ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย ธุรกิจแปรูปผลผลิตทางการเกษตรและการผลิตสินค้า สหกรณ์รวบรวมข้าวเปลือกเพื่อแปรรูปเป็นข้าวกล้องเพื่อจำหน่าย ผลผลิตหลักของสมาชิกคือ พืชผักอินทรีย์ตามฤดูกาล ช่องทางการตลาดของสมาชิกสหกรณ์ ประกอบไปด้วย ตลาดชุมชน โรงเรียน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และตลาดจริงใจมาร์เก็ต ซึ่งจะเปิดเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ โดยสมาชิกสหกรณ์ฯ มาจำหน่ายในตลาดจริงใจมาร์เก็ต มี 6 ราย จากอำเภอพร้าวและดอยสะเก็ด รายได้เฉลี่ย 5,000 ถึง 20,000 บาท/วัน/ราย ทั้งนี้ สหกรณ์ดูแลสมาชิกในด้านความรู้พื้นฐานเกษตรอินทรีย์ ด้านมาตรฐานของฟาร์ม เช่น ระบบการรับรองแบบมีส่วนร่วม (PGS) ในการใช้พันธุ์พืชอินทรีย์และมีแหล่งที่มา มีใบรับรอง รวมทั้งมีการจัดทำระบบตามสอบย้อนกลับ (Qr Code) มีระบบมาตรฐานสินค้าเกษตรของสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เป็นเครื่องรับประกันในคุณภาพผลผลิตของสมาชิกสหกรณ์