เกษตรฯ เดินหน้ายกระดับประเทศผู้นำเกษตรอินทรีย์ในอาเซียน

เกษตรฯ เปิดยุทธศาสตร์พัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ 5 ปี  ตั้งเป้าปี 2564 ขยายพื้นที่ผลิตกว่าล้านไร่   พร้อมส่งเสริมเกษตรกรทำเกษตรอินทรีย์เพิ่มกว่า 9 หมื่นราย   ชงไทยเป็นผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์ครบวงจรในเขตอาเซียนและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล 

พล.อ.ฉัตรชัย  สาริกัลยะ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  เปิดเผยว่า  ขณะนี้ยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ พ.ศ.2560 – 2564 ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อใช้เป็นแนวทางขับเคลื่อนและพัฒนาเกษตรอินทรีย์ในระยะ 5 ปีได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว   โดยยุทธศาสตร์ดังกล่าวประกอบไปด้วย 4 ยุทธศาสตร์ 11 กลยุทธ์  ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1  ส่งเสริมการวิจัย  การสร้างและเผยแพร่องค์ความรู้และนวัตกรรมเกษตรอินทรีย์  ยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาการผลิตสินค้าและบริการเกษตรอินทรีย์  ยุทธศาสตร์ที่ 3  พัฒนาการตลาดสินค้าและบริการ  และการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์   และยุทธศาสตร์ที่ 4 การขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์

การขับเคลื่อนนโยบายเกษตรอินทรีย์ของกระทรวงเกษตรฯ ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ ปี 2560-2564  มีเป้าหมายที่จะเพิ่มพื้นที่เกษตรอินทรีย์ในปี 2564 ไม่น้อยกว่า 1,333,860 ไร่  และมีจำนวนเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 96,670 ราย  เพิ่มสัดส่วนตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ในประเทศ 40 เปอร์เซ็นต์และตลาดต่างประเทศ  60 เปอร์เซ็นต์  รวมทั้งยกระดับกลุ่มเกษตรอินทรีย์วิถีพื้นบ้านเพิ่มขึ้น  โดยมุ่งให้ความสำคัญกับกลุ่มเกษตรอินทรีย์ที่มีความพร้อมเป็นผู้นำต้นแบบในการดำเนินการเพื่อให้มีอาหารปลอดภัยและได้มาตรฐาน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กล่าวว่า  ปัจจุบันมีพื้นที่ผลิตเกษตรอินทรีย์ทั่วโลกรวม 318 ล้านไร่ ใน 183 ประเทศ  ในขณะที่ด้านการตลาดมีมูลค่าสินค้าเกษตรอินทรีย์ทั่วโลกรวม 3.0 ล้านล้านบาท  สำหรับในประเทศไทยมีพื้นที่ผลิตรวม 0.3 ล้านไร่  ถือเป็นอันดับ 8 ของเอเชีย  และอันดับ 60 ของโลก  สินค้าเกษตรอินทรีย์ของประเทศไทยที่สำคัญได้แก่ กะทิ  เครื่องแกง  ซอส  มูลค่า 1,201 ล้านบาท  ข้าว 552 ล้านบาท   และอื่นๆ เช่น มะพร้าวน้ำหอม   ชา  กาแฟ   และสมุนไพร  558 ล้านบาท  คิดเป็นมูลค่ารวม 2,310 ล้านบาท    ซึ่งยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติจะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคด้านการผลิต  การค้า  การบริโภค  และการบริการเกษตรอินทรีย์ที่มีความยั่งยืนและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

นายสุวิทย์  ชัยเกียรติยศ   อธิบดีกรมวิชาการเกษตร   กล่าวถึงผลการดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบายเกษตรอินทรีย์ในปี 2560 ว่า ได้แบ่งพื้นที่การดำเนินงานออกเป็น 2 ส่วน คือ ที่จังหวัดยโสธร  ซึ่งมีการปลูกข้าวอินทรีย์เป็นพืชหลัก  ปลูกพืชผักหลังนา  และเลี้ยงไก่อินทรีย์เป็นกิจกรรมเสริม  และพื้นที่ทั่วไปซึ่งมีกิจกรรมหลากหลายทั้งพืช  ปศุสัตว์ และประมงอินทรีย์   ส่วนกลไกขับเคลื่อนการดำเนินงานได้แบ่งเกษตรกรออกเป็น 3 กลุ่ม  กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มเริ่มใหม่  ที่สมัครเข้าร่วมโครงการและได้รับคำแนะนำการปฏิบัติตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์  และได้รับการสนับสนุนปัจจัยการผลิตหรือความรู้เบื้องต้น   กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มเกษตรกรที่พร้อมยกระดับ  โดยเป็นกลุ่มเกษตรกรที่ปฏิบัติตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ยู่แล้ว  และอยู่ระหว่างการขอรับรอง   โดยจะให้การสนับสนุนตั้งโรงผลิตปุ๋ยหมักเติมอากาศ   ปัจจัยการผลิต   จัดทำแปลงสาธิต  หมู่บ้านต้นแบบ  ศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์   พัฒนาต่อยอดการผลิต   และกลุ่มสุดท้ายได้รับการรับรองเกษตรอินทรีย์แล้ว   จะมีการเชื่อมโยงตลาดและเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าส่งเสริมการแปรรูปและพัฒนาบรรจุภัณฑ์    สร้างตราสินค้าเกษตรอินทรีย์  และติดตั้งระบบตรวจสอบสินค้า

ผลการตรวจรับรองเกษตรอินทรีย์ในปี 2560  พื้นที่รวมทั้งประเทศ   109,040 ไร่  แยกเป็นข้าว 98,239  ไร่  และพืชผสมผสาน 9,103 ไร่