เผยแพร่ |
---|
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุปลากะพงขาวที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ในกระชัง ในทะเลสาบสงขลา พื้นที่หมู่ 1 ตำบลเกาะยอ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ลอยตายเกลื่อน ขณะเดียวกันพบว่าน้ำในทะเลสาบสงขลาบริเวณดังกล่าวมีสีขุ่นและมีกลิ่นเหม็น นายธำรง วรรณโร ต้องร่วมกับเพื่อนๆ ผู้เลี้ยงปลากะพงขาวในกระชัง หมู่ 1 ตำบลเกาะยอ ช่วยกันเก็บซากปลาออกจากกระชัง เพื่อป้องกันน้ำเน่าและจะทำให้ปลาที่เหลืออยู่ตายเพิ่มขึ้นอีก ชาวบ้านคาดว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีน้ำจืดถูกระบายลงสู่ทะเลสาบสงขลาอย่างรวดเร็ว ทำให้ปลากะพงขาวปรับสภาพไม่ทัน น็อกน้ำตายไม่น้อยกว่า 1 ตัน ส่วนใหญ่เป็นปลาขนาดตัวละ 5-6 กิโลกรัม ที่อยู่ในช่วงจับขายได้แล้ว
นายธำรง กล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาพบว่าปลาเริ่มมีอาการเมาน้ำ จึงนำออกซิเจนผงหว่านลงในน้ำเพื่อปรับสภาพน้ำ แต่รุ่งเช้ามาตรวจสอบพบว่าปลากะพงขาวลอยตายอยู่จำนวนมาก และไม่สามารถจะจับไปขายหรือทำปลาเค็มใดๆ ได้เลย เพราะเมื่อผ่าออกดูพบว่ามีกลิ่นเน่าเหม็นแล้ว ถือว่าตายอย่างรวดเร็วมาก แม้ให้ออกซิเจนก็เอาไม่อยู่ ความเสียหายทั้งหมดไม่น้อยกว่า 150,000 บาท สิ่งที่กังวลคือยังมีปลากะพงขาวอีกไม่น้อยกว่า 2 ตัน หรือประมาณ 8 กระชัง ที่เหลืออยู่และเกรงว่าจะตายลงจากปัญหาเดียวกันเพิ่มอีก ทำให้ต้องเฝ้าระวังมากขึ้น ทั้งนี้ ได้นำเอาออกซิเจนผง ไปหว่านเพื่อเพิ่มออกซิเจนในน้ำ แต่ยังไม่ทราบว่าจะได้ผลหรือไม่
“ในส่วนของเจ้าหน้าที่นั้นคงไม่หวังจะพึ่งพาอะไรแล้ว เพราะเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมาปลากะพงขาวที่เลี้ยงไว้รอบเกาะยอตายไปหลายสิบตัน แต่กลับไม่ได้มีการช่วยเหลือแต่อย่างใด มีบ้างนำเอาพันธุ์ปลามาให้ แต่ก็เป็นพันธุ์ปลาพิการ เลี้ยงอย่างไรก็ไม่โต จึงไม่ขอรับความช่วยเหลือใดๆ อีกแล้ว มีอย่างเดียวที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ ทางประมงจังหวัดสงขลาเคยรับปากเอาไว้ ว่าจะติดตั้งเครื่องวัดค่าออกซิเจนในน้ำ แล้วก็อ่านค่าได้ในชุมชน ขอให้ติดตั้งหลายจุดของเกาะยอ ส่วนในระยะยาวนั้นคงจะแก้ปัญหาด้วยการย้ายจุดเลี้ยง” นายธำรง กล่าว
ที่มา : ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน