กรมส่งเสริมการเกษตร แจงสิทธิ์รับความช่วยเหลือกรณีปลูกพืชหลังนา

กรมส่งเสริมการเกษตร แจงสิทธิ์รับความช่วยเหลือพืชหลังนา ชวนปลูกพืชใช้น้ำน้อย ตลาดต้องการ รายได้ดีกว่าข้าว

นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า จากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2562 เห็นชอบการดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกพืชหลังนา ปี 2561/62 กรมส่งเสริมการเกษตร จึงจัดทำโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกพืชหลังนา ปี 2561/62 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรด้านค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการน้ำ ได้แก่ ค่าสูบน้ำ และการบริหารจัดการศัตรูพืชซึ่งสูงกว่าฤดูกาลปกติ ในอัตราไร่ละ 600 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 15 ไร่ หรือไม่เกิน 9,000 บาท เพื่อลดภาระค่าครองชีพ ควบคู่กับสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร รักษาศักยภาพการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับคุณสมบัติเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ 1. มีสัญชาติไทย บรรลุนิติภาวะ 2. เป็นหัวหน้าครัวเรือน 1 สิทธิ์/ครัวเรือน (ตามที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร) 3. พื้นที่ปลูกมีเอกสารสิทธิถูกต้องตามกฎหมาย 4. ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกพืชหลังนาปี 61/62 ในแปลงปลูกข้าวนาปี ในรอบ 3 ปี (2559-2561) ปีใดปีหนึ่ง พื้นที่ 1 งานขึ้นไป แต่ไม่เกิน 15 ไร่ 5. หากปลูกพืชหลังนามากกว่า 1 ชนิด เลือกชนิดพืชขอรับการช่วยเหลือได้ รวมกันไม่เกิน 15 ไร่/ครัวเรือน 6. กรณีปลูกพืชอายุสั้นหลายรอบการผลิตในพื้นที่เดียวกัน เช่น พืชผัก ขอรับการช่วยเหลือได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น 7. หากเปลี่ยนแปลงเลขที่เอกสารสิทธิใหม่ เช่น แบ่งโฉนดแบ่งขาย เปลี่ยนเลขที่โฉนด ฯลฯ ต้องให้คณะกรรมการตรวจสอบสิทธิ์โครงการ ระดับตำบลตรวจสอบว่าเป็นพื้นที่นาที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาหรือไม่ 8. เปิดบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส.

นายสำราญ สาราบรรณ์

ทั้งนี้ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการต้องไม่ซ้ำซ้อนกับโครงการช่วยเหลืออื่นของภาครัฐที่มีวัตถุประสงค์ใกล้เคียงกัน ในปี 2561/62 และได้รับการช่วยเหลือแล้ว เช่น โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลายฤดูนาปรัง ปี 2562 โครงการช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบจากภัยแล้งอื่นใด ซึ่งพื้นที่ได้รับความช่วยเหลือแล้วไม่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ ส่วนพื้นที่ที่เหลือจากแปลงเดียวกันที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือสามารถเข้าร่วมได้ โดยสามารถแจ้งยืนยันขอรับสิทธิเข้าร่วมโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกพืชหลังนา ปี 2561/62 ได้ด้วยตนเอง ที่สำนักงานเกษตรอำเภอที่ตั้งแปลงปลูก และนำเอกสารหลักฐาน ประกอบด้วย บัตรประจำตัวประชาชน และใบมอบอำนาจ หากไม่สามารถมาด้วยตนเอง

พืชที่ร่วมโครงการนี้ได้คือพืชผักและพืชไร่ ยกเว้น อ้อย สับปะรด พืชปรับปรุงบำรุงดิน พืชปุ๋ยสด ไม้ดอกไม้ประดับ ไม้ผล และไม้ยืนต้น ที่ปลูกหลังทำนาปี ทดแทนการปลูกข้าวนาปรัง และต้องขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร สามารถยื่นขอรับสิทธิ์ช่วยเหลือตามโครงการนี้ได้ตามพื้นที่ปลูกจริงที่มีเอกสารสิทธิถูกต้องตามกฎหมาย แบ่งเป็น 1. พื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง ต้องปลูกตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2561-31 มีนาคม 2562 2. พื้นที่นอกเหนือจากพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก ต้องปลูกตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2561-30 เมษายน 2562 3. พื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันออก (นครศรีธรรมราช สงขลา พัทลุง ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) ต้องปลูกตั้งแต่ 1 มีนาคม-31 มิถุนายน 2562

อธิบดีฯ ย้ำว่า ปี 2560/61 ประเทศไทยปลูกข้าวนาปี-นาปรังได้ผลผลิตรวม 32.63 ล้านตันข้าวเปลือก ซึ่งเกินความต้องการของตลาด แต่พืชหลากหลายอื่น โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยังไม่พอป้อนตลาด จึงขอเชิญชวนเกษตรกรหันมาปลูกพืชใช้น้ำน้อย ซึ่งมีโครงการรัฐสนับสนุน จะทำให้มีรายได้ดีกว่าข้าว ช่วยป้องกันปัญหาราคาและผลผลิตข้าวล้นตลาด ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถขอคำแนะนำช่วยเหลือได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอใกล้บ้าน