ยันฮี ประกาศเปิด “ศูนย์รักษาโรคด้วยกัญชา”

เพื่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยที่ดีขึ้น  ยันฮี ประกาศเปิด “ศูนย์รักษาโรคด้วยกัญชา” เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลเอกชนที่เห็นความสำคัญของผู้ป่วยที่จะมีทางเลือกในการรักษาโรค ดีเดย์เปิดให้บริการ 9 เมษายนนี้ พร้อมจับมือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร นำกัญชาที่มีคุณภาพดีมาใช้รักษาทางการแพทย์ 

นพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยันฮี เปิดเผยแผนการขยายศูนย์การรักษาของโรงพยาบาลว่า ในช่วงครึ่งปีนี้ จะพัฒนาศูนย์การรักษาให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะแพทย์ทางเลือก และ Anti-Aging ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของบุคลทั่วไป โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องการเพิ่มทางเลือกในการรักษาโรค ทางโรงพยาบาลจึงได้เปิด “ศูนย์รักษาโรคด้วยกัญชา” ซึ่งถือเป็นแพทย์ทางเลือกที่หลายๆ ประเทศให้ความสนใจกันมาก ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ป่วย และช่วยให้มีทางเลือกในการรักษาโรคมากขึ้น โดยใช้งบลงทุนในการปรับปรุงพื้นที่ให้บริการกว่า 15 ล้านบาท

ที่สำคัญ ทางโรงพยาบาลยันฮี ยังได้ร่วมมือกับ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร เพื่อร่วมมือในการศึกษาวิจัยและพัฒนาการผลิตกัญชาทางการแพทย์ เนื่องจากเล็งเห็นว่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร  มีทีมนักวิจัยที่มีความรู้ ความสามารถ และมีประสบการณ์ในการพัฒนาสายพันธุ์กัญชาให้มีคุณภาพที่ดีมาโดยตลอด ซึ่งการร่วมมือกันทำการวิจัย พัฒนาและคัดเลือกสายพันธุ์กัญชาที่ดีที่สุดมาผลิตเป็นยารักษาโรคให้กับผู้ป่วย  เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและเชื่อว่า กัญชา จะกลายมาเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีเป็นประโยชน์ระดับประเทศต่อไป และในระหว่างนี้ ทาง รพ. ยันฮี ยังได้นำวัตถุดิบจากกัญชามาปรุงเป็นยารักษาโรคจากฟาร์มกัญชาของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรอินทรีย์เพชรลานนา (ลำปาง) ซึ่งได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชาได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งในประเทศไทยได้มีการใช้ในทางการแพทย์และอนุญาตให้วิสาหกิจชุมชนปลูกได้ภายใต้ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยหรือโรงพยาบาลอีกด้วย

นพ.สุพจน์ กล่าวว่า  สำหรับยากัญชาแผนไทยทั้ง 5 ตำรับ ที่มีส่วนประกอบของใบและกิ่งก้านกัญชาที่สามารถนำมารักษาโรค ได้แก่ 1.ยาศุขไสยาศน์ ยาแก้นอนไม่หลับ 2.ยาแก้ไข้ผอมเหลือง 3.ยาแก้ลมแก้เส้น 4.ยาทาริดสีดวงทวารหนักและโรคผิวหนัง 5. ยาแก้โรคจิต ที่สำคัญ ทางโรงพยาบาลฯ ยังได้เตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ในการตรวจรักษา ทีมแพทย์ พยาบาล และเภสัชกร ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรการใช้สารสกัดจากกัญชาทางการแพทย์

สำหรับ ยาศุขไสยาศน์ จะมีสรรพคุณช่วยให้นอนหลับและเจริญอาหาร ส่วนอาการไข้ผอมเหลือง ซึ่งเป็นอาการที่เกิดจากธาตุลมกำเริบ ส่งผลให้นอนไม่ค่อยหลับ เบื่ออาหาร เมื่อเป็นเรื้อรัง ทำให้ร่างกายผ่ายผอม ซีด เหลือง อ่อนเพลีย ส่วนยาแก้ลมแก้เส้น มีสรรพคุณแก้ลมในเส้น บรรเทาอาการมือเท้าชา อ่อนแรง ตัวต่อมาคือ ยาทาริดสีดวงทวารหนักและโรคผิวหนัง โดยคุณสมบัติที่โดดเด่นในกัญชาสามารถลดอาการคัน บรรเทาอาการเจ็บปวด และลดการอักเสบในผู้ป่วยโรคผิวหนังและโรคริดสีดวงทวารหนักได้ และตัวสุดท้าย คือยาแก้โรคจิต ยาตำรับนี้ใช้สำหรับรักษาภาวะเครียด กังวล และส่งผลให้เกิดอาการนอนไม่หลับ

“ปัจจุบันนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้กัญชาทางการแพทย์ขยายตัวไปสู่ภาคเอกชนมากขึ้น เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว ครอบคลุม และเข้าถึงการรักษามากขึ้น ทั้งยังช่วยลดความแออัด ลดการรอคอยการรับบริการในโรงพยาบาลรัฐอีกด้วย เราจึงเชื่อมั่นว่า ยันฮีจะเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่หันมาให้ความสำคัญกับการรักษาโรคด้วยกัญชา และช่วยแบ่งเบาภาระของภาครัฐได้อย่างแน่นอน” นพ. สุพจน์ กล่าว

นพ.วัสสะ วัชรากร หัวหน้าศูนย์แพทย์ทางเลือกและ Anti-Aging กล่าวถึงความพร้อมของทีมแพทย์ พยาบาลและเภสัชกรว่า ศูนย์รักษาโรคด้วยกัญชา ตั้งอยู่ในศูนย์แพทย์ทางเลือกและ Anti-Aging ของโรงพยาบาล โดยมีทีมแพทย์ พยาบาล และเภสัชกร ที่ผ่านการอบรมและมีใบประกาศการใช้สารสกัดจากกัญชาทางการแพทย์ โดยกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่า ยันฮี จะเป็นโรงพยาบาลหนึ่งที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง

นพ.วัสสะ กล่าวเสริมว่า ถึงแม้กัญชาจะถูกนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์แล้ว แต่เนื่องจากกัญชามีฤทธิ์ต่อจิตประสาท ทำให้ติดและเมาได้ หากใช้ไม่ถูกวิธีหรือใช้เองโดยไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย ดังนั้น ผู้ที่สนใจจึงควรพิจารณาข้อมูลต่างๆ ให้ดีและเข้ารับการปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อการรักษาอย่างปลอดภัยและให้ผลที่มีประสิทธิภาพสูงสุด