เผยแพร่ |
---|
จากกระแสสกุลเงินดิจิทัลมาแรงอย่าง ‘Bitcoin’ วันนี้ทำให้เทคโนโลยีที่มาเงียบๆ แต่เริ่มมีบทบาทสำคัญต่อชีวิตและปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจมากยิ่งขึ้น นั่นก็คือ ‘Blockchain’ เทคโนโลยีจัดเก็บบันทึกการทำธุรกรรมดิจิตอลทั้งหมดให้เป็นสาธารณะ โดยทุกแหล่งเก็บบันทึกข้อมูลที่เรียกว่า Block จะมีกลไกเชื่อมต่อข้อมูลร้อยเรียงเป็นสายคล้ายกับห่วงโซ่ โดยจะไม่ถูกจัดเก็บรวมศูนย์ไว้ที่ใดที่หนึ่ง แต่จะกระจายอยู่ในเซิร์ฟเวอร์หลายแห่งทั่วโลกด้วยการเข้ารหัส แหล่งเก็บฐานข้อมูลที่กระจายทำให้มีความน่าเชื่อถือ และทุกคนสามารถตรวจสอบได้
โดยข้อมูลทางธุรกรรมที่ถูกบันทึกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นเหมือนบล็อกที่ถูกประกอบให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ด้วยข้อมูลธุรกรรมชุดใหม่ที่ได้รับการบันทึกเพิ่มเข้ามา ด้วยเหตุนี้จึงสามารถกล่าวได้ว่า เทคโนโลยี Blockchain มีความน่าเชื่อถือของข้อมูลมากที่สุดในปัจจุบันนี้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
แต่หากถามว่ามีประโยชน์ในด้านเกษตรอย่างไรบ้าง ซึ่งก็ต้องบอกว่ามีไม่น้อย อย่างตัวอย่างที่เราหยิบยกมานำเสนอในที่นี้
- ตรวจสอบสินค้าย้อนกลับจากแหล่งผลิต
ด้วยบัญชีแยกประเภท blockchain เกษตรกรสามารถจัดเตรียมเอกสารที่ถูกต้องเกี่ยวกับห่วงโซ่คุณค่าที่เข้าสู่ผลิตภัณฑ์ของตนให้กับผู้บริโภคได้ โดยที่ผ่านกระทรวงพาณิชย์ของไทยได้มีการใช้งานระบบ TraceThai.com สำหรับตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) มาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์บน Blockchain กับผู้ประกอบการข้าวอินทรีย์ โดยจะติด QR Code และสัญลักษณ์ TraceThai.com บนบรรจุภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ โดยขายออนไลน์ใน Amazon ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีจากผู้นำเข้าที่เห็นว่า ระบบนี้ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่สินค้าอินทรีย์ไทย โดยการสแกน QR Code หรือตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้าได้จากเลขล็อตการผลิตบนฉลากสินค้ากับเว็บไซต์
- ความปลอดภัยของสินค้าเกษตรและการควบคุมคุณภาพ
Blockchain สามารถบันทึกข้อมูลจากเซ็นเซอร์ Internet of Things (IoT) เพื่อตรวจสอบคุณภาพการเพาะปลูกที่นำไปสู่การเก็บเกี่ยวขณะอยู่ในพื้นที่จัดเก็บและระหว่างการจัดส่ง การเก็บบันทึกข้อมูลการเกษตรที่จัดเก็บด้วย Blockchain ทำให้เกษตรกรสามารถรวบรวมข้อมูลที่แม่นยำโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการรดน้ำ ใส่ปุ๋ย กำจัดศัตรูพืช ซึ่งยังสามารถลดค่ายใช้จ่ายในส่วนนี้ได้อีกด้วย
และที่สำคัญ ด้วยการจัดเก็บโดย Blockchain ทำให้สามารถตรวจสอบแต่ละขั้นตอนของกระบวนการผลิตอาหารเพื่อดูความผิดปกติได้อย่างง่ายดาย ช่วยเพิ่มความปลอดภัยของอาหาร เมื่อผลิตภัณฑ์มีการปนเปื้อนการตรวจสอบว่าเกิดขึ้นที่ไหนและใครเป็นฝ่ายผิด ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะมีการควบคุมคุณภาพในระดับที่ดีขึ้น
- ด้านโลจิสติกส์และการชำระเงิน
blockchain ที่ใช้งานร่วมกับเทคโนโลยี IoT ก็จะยิ่งทำให้อุตสาหกรรมโลจิสติกส์สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น เช่น blockchain สามารถนำมาใช้งานกับ IoT เพื่อลดขั้นตอนการทำงานที่ไม่จำเป็น ผ่านการทำให้เป็นระบบอัตโนมัติแทน ซึ่งประโยชน์ที่ได้ก็คือเราสามารถยกระดับประสิทธิภาพการปฏิบัติการ ซึ่งส่งผลให้ระยะเวลาในการทำงานลดลง อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสในการพัฒนาแผนธุรกิจใหม่ๆ
Blockchain ช่วยให้เกษตรกรลดการพึ่งพาพ่อค้าคนกลาง แถมยังช่วยลดความยุ่งยากในกระบวนการจัดส่ง อันเนื่องจากผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรส่วนใหญ่มีอายุการเก็บรักษาสั้น ดังนั้นการเร่งกระบวนการจัดส่งให้รวดเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และที่สำคัญการเก็บบันทึกด้วยเทคโนโลยี Blockchain ยังช่วยลดความล่าช้าในการชำระเงิน แถมยังปลอดภัยอีกด้วย
Blockchain เป็นเทคโนโลยีการกระจายข้อมูลด้านการบัญชีที่สามารถบันทึกหลักฐานการดำเนินธุรกรรมระหว่างองค์กรหรือบุคคลที่มีความปลอดภัย เป็นที่ทราบดีว่า เนื่องจากข้อมูลที่อยู่บน blockchain ทั้งหมดจะมีการลงบันทึกวันเวลาที่แน่ชัด ทำให้ไม่สามารถดัดแปลงหรือปลอมแปลงได้ อีกทั้งยังสามารถระบุตัวตนเจ้าของธุรกรรมการเงินนั้นๆ ได้อีกด้วย
- ประหยัดต้นทุนการทำธุรกรรม/เอกสารออนไลน์
เครือข่ายแบบเพียร์ทูเพียร์ (Peer-to-Peer Network) ซึ่งเป็นพลังของบล็อกเชน เนื่องจากธุรกรรมแต่ละรายการจะต้องส่งและตรวจสอบโดยทั้งกลุ่ม หากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งยอมรับธุรกรรมปลอม แต่ถูกปฏิเสธโดยกลุ่มที่เหลือ จะไม่ถูกเพิ่มเข้าไปในบล็อกเชนและธุรกรรมจะไม่ได้รับการรับรองความถูกต้อง
คุณลักษณะด้านความปลอดภัยอีกอย่างของบล็อกเชน คือธุรกรรมที่ได้รับการอนุมัติภายในบล็อกเชนที่จัดตั้งขึ้น จะเชื่อมโยงกันอย่างถาวรและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแทรกหรือลบได้ วิธีนี้ป้องกันไม่ให้บุคคลเปลี่ยนเส้นทางการเป็นเจ้าของเนื้อหาอย่างไม่เป็นธรรม หรือสร้างหน่วยใหม่ของเนื้อหาที่สามารถเพิ่มลงในบัญชีของตนได้
และด้วยเครือข่ายแบบเพียร์ทูเพียร์ของ Blockchain ช่วยให้สามารถทำธุรกรรมโดยตรงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายได้ จึงไม่ต้องเสียค่านายหน้าจากคนกลาง โดยแพลตฟอร์ม Blockchain ใช้เอกสารสัญญาดิจิทัลและการจับคู่ข้อมูลอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำซ้ำที่มีค่าใช้จ่ายสูงและการตรวจสอบธุรกรรมสินค้าเกษตรด้วยตนเอง
เทคโนโลยีนี้ยังช่วยให้ผู้ค้าปลีกอาหารและซัพพลายเออร์ได้รับประโยชน์จากต้นทุนการทำธุรกรรมที่ลดลง เนื่องจากจะไม่มีการกลับไปกลับมาในใบอนุญาตและเอกสารทางกฎหมายอื่นๆ อีกต่อไป
- การจัดการทรัพยากรการทำฟาร์ม
สำหรับช่างที่มีการเข้าถึง Blockchain สามารถอัพเดตสถานะได้จากหลายสถานที่ Blockchain ติดตามบันทึกการบำรุงรักษาแบบเรียลไทม์ เพื่อแจ้งให้เกษตรกรผู้ปลูกทราบว่ามีเครื่องจักรใดบ้างที่ต้องบำรุงรักษา และกำลังซ่อมแซม หรืออยู่ในสถานะที่ไม่พร้อมใช้งาน เทคโนโลยี Blockchain ถูกนำไปใช้ในภาคธุรกิจหลายด้าน ตัวอย่างเช่น
การเงินการธนาคาร ระบบการชำระและโอนเงินโดยไม่ต้องผ่านคนกลาง การจัดเก็บข้อมูลการซื้อ ขายหลักทรัพย์ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย และประหยัดค่าใช้จ่าย
ด้านการศึกษา สถาบันการศึกษาที่จัดเก็บข้อมูลผู้เรียน Certificate หรือTranscripts เพื่อความ โปร่งใส ประหยัดเวลาในการตรวจสอบ
การเข่าและซื้อขายรถ โดยเก็บข้อมูลลูกค้าบน Blockchain เพื่อให้ระบบการเช่ารถมี ประสิทธิภาพ
ธุรกิจเพลงออนไลน์ ใช้ Smart Contract บน Blockchain เพื่อให้ผู้ฟังจ่ายเงินตรงไปยังศิลปินได้
ธุรกิจสุขภาพ ใช้ Blockchain ในการจัดเก็บข้อมูลด้านสุขภาพ เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องกับระบบดูแล สุขภาพแบ่งปันข้อมูลผ่านระบบเครือข่ายได้อย่างปลอดภัย ทำให้การวินิจฉัยโรคนั้นมีความถูกต้องมากยิ่งขึ้น
หรือแม้แต่ในต่างประเทศได้มีการพัฒนาระบบเลือกตั้งอิเล็กทรอนิกส์บนเทคโนโลยี Blockchain เพื่อให้ผู้ลงคะแนนเสียงสามารถลงคะแนนผ่านระบบออนไลน์ได้จากทุกที่
เทคโนโลยี Blockchain มีคุณลักษณะพื้นฐานสำคัญที่ทำให้ข้อมูลที่จัดเก็บบนระบบมีความถูกต้อง เที่ยงตรง มีความโปร่งใส และสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ไม่เพียงเฉพาะในภาคเกษตรที่มีการนำไปใช้ แต่เรียกได้ว่าสามารถใช้งานได้อย่างกว้างขวางในปัจจุบัน
และที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชันฺ Blockchain ในปัจจุบัน มีการพัฒนาอย่างมากและสามารถเข้าถึงได้ภายใต้ต้นทุนที่ไม่มากมายนัก ดังนั้นนี่จึงเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่จะพลิกโลกในยุคต่อไป
Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333