ถนนเลียบชายฝั่งทะเล ‘คลองโคน-ชะอำ’ เส้นทางขับรถกินลม ชมวิว ลัดเลาะสู่ภาคใต้

ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือวันขัตฤกษ์ หากใครอยากออกไปพักผ่อน ขับรถกินลม ชมวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม หาอาหารทะเลสดอร่อยรับประทาน ในสถานที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เดินทางได้สะดวก ใช้เวลาไม่นาน แบบไปเช้า เย็นกลับ หรือจะพักค้างแรมสักคืนหนึ่ง เพื่อเพิ่มพลังให้กับชีวิต เราจะพาคุณเดินทางลัดเลาะไปตามโครงข่ายถนนเลียบชายฝั่งทะเลของกรมทางหลวงชนบทจากคลองโคน จ.สมุทรสงคราม ไปจนถึงชายหาดชะอำ จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นถนนสายชมวิว (Scenic route) ที่สวยที่สุดสายหนึ่ง ที่เหมาะจะเป็นเป้าหมายในการเดินทางท่องเที่ยวแบบสบายๆ

ถนนเลียบชายฝั่งทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันตก ช่วง “คลองโคน-ชะอำ” เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่จะแนะนำให้ผู้ที่เดินทางลงภาคใต้ ใช้หลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรบนถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นเส้นทางหลักช่วงจากแยกวังมะนาว เพชรบุรี ชะอำ โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดจะมีปริมาณการจราจรค่อนข้างมาก ยิ่งหากเป็นช่วงเทศกาลสำคัญ หรือช่วงที่มีวันหยุดต่อเนื่องกันหลายวัน ก็จะมีผู้ใช้เส้นทางหลักอย่างหนาแน่น

นอกจากเส้นทางคลองโคน-ชะอำ จะเป็นทางเลือกเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่คับคั่งบนถนนเพชรเกษมแล้ว สองข้างทางยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น หาดแหลมหลวง โครงการวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยที่มีป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ โครงการฟาร์มทะเลตัวอย่าง หาดเจ้าสำราญ หาดปึกเตียน ที่มีวิวทิวทัศน์ธรรมชาติอันสวยงาม น่าสนใจและหาไม่ได้ในเส้นทางหลัก รวมทั้งยังมีร้านอาหารทะเล ให้แวะชม แวะชิมตลอดทาง

เส้นทางดังกล่าว กรมทางหลวงชนบทได้พัฒนา ปรับปรุง เพื่อใช้เป็นทางลัดและเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันตก จากคลองโคน สมุทรสงคราม ถึงชายหาดชะอำ ระยะทางประมาณ 82 กม. เป็นถนนลาดยางแอสฟัลต์ขนาด 2 ช่องจราจร โดยถนนมีสภาพดี สองข้างทางมีช่องทางสำหรับนักปั่นจักรยานและจุดชมวิวเป็นระยะตลอดเส้นทาง

สำหรับการเดินทางจากกรุงเทพฯ ให้ไปตามเส้นทางถนนพระราม 2 หรือถ้าจะหลีกเลี่ยงรถติดบนถนนพระราม 2 สามารถใช้เส้นทางบางขุนเทียน-ชายทะเล เมื่อสุดถนนให้เลี้ยวขวาไปตามถนนทางหลวงชนบท สค.4008 หรือถนนเลียบคลองพิทยาลงกรณ์ ไปบรรจบถนนพระราม 2 ที่มหาชัย รวมระยะทางประมาณ 28 กม. ก็เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่สะดวกพอสมควร จากนั้นเดินทางต่อไปตามเส้นทางถนนพระราม 2 ผ่านสมุทรสงคราม ข้ามแม่น้ำแม่กลองไปอีกประมาณ 5.5 กม. ประมาณหลัก กม.72 เลี้ยวซ้ายเข้าไปตามเส้นทางหลวงชนบทสาย สส.2021 คลองโคน-บางตะบูน ผ่านบ้านคลองโคน แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศใกล้กรุงเทพฯ มีที่พักโฮมสเตย์ จับหอยแครง นอนโฮมกะเตงกลางทะเล ขับตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 20 กม. จะถึงสะพานข้ามแม่น้ำบางตะบูน ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าๆ จะเหมาะแก่การถ่ายภาพบันทึกความสวยงามเป็นอย่างมาก

ที่ปากอ่าวบางตะบูนจะมีร้านอาหารทะเลให้เลือกรับประทานได้ตามใจชอบ พร้อมกับการชมบรรยากาศท้องทะเลเพลินๆ เมื่อลงสะพานจะเข้าสู่ถนนสาย พบ.4012 บางตะบูน-บ้านแหลม พื้นที่ จ.เพชรบุรี มาได้สักระยะจะพบกับตึกสูงไม่มีหน้าต่าง แต่มีช่องเล็กๆ ที่ชาวบ้านสร้างไว้ให้นกนางแอ่นเข้ามาทำรังแล้วเก็บขายเป็นอาชีพของท้องถิ่นอีกรูปแบบที่สร้างรายได้ให้ไม่น้อย

จากบ้านแหลมมุ่งหน้าตรงไปตามเส้นทางหลวงชนบท พบ.4028 บ้านแหลม-หาดเจ้าสำราญ ซึ่งในอดีตเป็นคันกั้นน้ำเค็มจัดสร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สองข้างทางของถนนช่วงนี้ส่วนใหญ่จะเป็นนาเกลือ เป็นแหล่งผลิตเกลือที่สำคัญของประเทศเลยก็ว่าได้ หากไปช่วงหน้าแล้ง จะเห็นวิถีชีวิตท้องถิ่นการทำนาเกลือ กองเกลือสามเหลี่ยมขาวๆ และผู้คนต่างช่วยกันหาบเกลือเข้าฉางเกลือแข่งกับเวลาก่อนช่วงที่ฝนจะมา จากนั้นก็จะผ่านบางขุนไทร ปากทะเล บางแก้ว และแหลมผักเบี้ย ซึ่งเป็นที่รู้จักของนักศึกษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมป่าชายเลน คือ “โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี

เดินทางต่อจากหาดเจ้าสำราญไปตามเส้นทางหลวงชนบทสาย พบ.4033 หาดเจ้าสำราญ-ชะอำ ผ่านชายทะเลหาดปึกเตียน ซึ่งเป็นชายหาดที่สวยงามและเงียบสงบ ในทะเลจะมีรูปปั้นนางยักษ์พันธุรัตน์ในวรรณคดี ที่ติดตามหาพระอภัยมณีด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่สัญลักษณ์ของหาดนี้ ขับต่อไปอีกประมาณ 18 กม. ก็จะถึงชายหาดชะอำ ซึ่งระหว่างทางจะพบเห็นพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่ที่มีสำเนียงเป็นเอกลักษณ์คนเมืองเพชรนำสินค้าท้องถิ่นมาขาย น้ำตาลสด น้ำตาลปี๊บ กะปิ เป็นระยะๆ ให้ได้แวะชิมแวะซื้อกัน หากจะเดินทางต่อไปหัวหิน หรือลงภาคใต้สามารถใช้ถนนเพชรเกษมเดินทางต่อโดยสะดวก

ถนนเลียบชายฝั่งทะเล จากคลองโคน-ชะอำ มีลักษณะเป็น 2 ช่องจราจร รถวิ่งสวนทางกัน จึงขอให้ผู้ใช้เส้นทางขับรถด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝน หรือช่วงเวลากลางคืน และควรเตรียมความพร้อมของรถ น้ำมันเชื้อเพลิง ให้พร้อมก่อนการเดินทาง เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวมีสถานีบริการน้ำมันน้อยมาก หากไม่เร่งรีบในการเดินทาง ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ แนะนำให้ใช้ถนนเลียบชายฝั่งทะเล แวะชมธรรมชาติ ศึกษาระบบนิเวศ และวิถีชีวิตแบบบ้านๆ ของชุมชนในพื้นที่ รับรองจะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ กรมทางหลวงชนบทมีแผนจะก่อสร้างเส้นทางนี้ตั้งแต่ จ.สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ต่อเนื่องไปจนถึงชุมพร เพื่อแบ่งเบาปริมาณการจราจรในถนนเพชรเกษม และก่อสร้างเส้นทางเพื่อเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวใน จ.ระนอง รวมระยะทางประมาณ 492 กม. โดยโครงข่ายถนนดังกล่าวมีความต่อเนื่อง สะดวก ปลอดภัย และเป็นถนนเพื่อการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลในระดับโลก ปัจจุบันได้ดำเนินการแล้วเสร็จ 15 โครงการ ระยะทาง 128.33 กม. อยู่ระหว่างก่อสร้าง 4 โครงการ ระยะทาง 58.70 กม. ทั้งนี้ กรมทางหลวงชนบทจะขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการให้เชื่อมต่อกันตลอดเส้นทางต่อไป