‘ตักบาตรดอกเข้าพรรษา’ พุทธบูชาสืบสานวัฒนธรรมแห่งเดียวในโลก

วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี ชาวอำเภอพระพุทธบาท จะนำดอกไม้ชนิดหนึ่งใช้ตักบาตร กระทั่งเกิดเป็นประเพณีท้องถิ่น ดอกไม้ที่นำมาใช้ตักบาตรในประเพณีนี้ จึงเรียกขานกันว่า “ดอกเข้าพรรษา” หรือ “ดอกหงส์เหิน” เพราะลักษณะของดอกและเกสรประดุจดังตัวหงส์ ที่กำลังเหินบินด้วยท่วงท่าลีลาอันสง่างามนั่นเอง

“หงส์เหิน” (Globba winiti) เป็นพืชที่จัดอยู่ในวงศ์ขิง เป็นไม้ดอกเมืองร้อนเกิดในป่าร้อนชื้น พบในประเทศไทย, พม่า และเวียดนาม ภายใต้ร่มเงาไม้ใหญ่หรือตามชายป่า มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น เช่น กล้วยจ๊ะก่า (ตาก), กล้วยจ๊ะก่าหลวง (ลำพูน), กล้วยเครือคำ (เชียงใหม่), ก้ามปู (พิษณุโลก), ขมิ้นผีหรือกระทือลิง (ภาคกลาง), ว่านดอกเหลือง (เลย), ดอกเข้าพรรษา (สระบุรี) เป็นต้น

“ต้นหงส์เหิน” หรือ “ต้นเข้าพรรษา” เป็นไม้ล้มลุก มีลำต้นเป็นหัวประเภทเหง้าแบบมีรากสะสมอาหาร คล้ายรากกระชาย ส่วนของลำต้นเหนือดิน คือ กาบใบที่เรียงตัวกันแน่น ทำหน้าที่เป็นต้นเทียมเหนือดิน เกิดเป็นกลุ่มกอ สูงประมาณ 30-70 เซนติเมตร ใบเป็นใบเดี่ยวรูปหอก ออกเรียงสลับซ้ายขวาเป็นสองแถว ส่วนดอกออกเป็นช่อซึ่งแทงออกมาจากยอดของลำต้นเทียม ช่อดอกมีลักษณะอ่อนช้อยสวยงาม ยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร มีก้านดอกย่อยเรียงอยู่โดยรอบ ประกอบด้วยดอกจริง 1-3 ดอก มีสีเหลืองสดใสคล้ายรูปตัวหงส์กำลังเหินบิน มีกลีบประดับขนาดใหญ่ตามช่อโดยรอบจากโคนถึงปลาย

เชื่อว่า “ดอกเข้าพรรษา” เมื่อนำมาตักบาตรจะได้บุญกุศลแรง และสีของกลีบประดับมีหลายสี เช่น สีเหลือง สีขาว และสีม่วง ซึ่งแต่ละสีมีความเชื่อ ดังต่อไปนี้ สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์แห่งพระพุทธศาสนา สีเหลือง หมายถึง สีแห่งพระสงฆ์

สีม่วง เป็นสีที่หายากที่สุด และชาวอำเภอพระพุทธบาทเชื่อว่าการใส่บาตรด้วยดอกสีม่วงจะได้บุญกุศลมากที่สุด

เมื่อถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี ชาวอำเภอพระพุทธบาทจะพากันไปเก็บดอกเข้าพรรษาตามไหล่เขาโพธิลังกาหรือเขาสุวรรณบรรพต เทือกเขาวง และเขาพุในเขตอำเภอพระพุทธบาท นำมาจัดรวมกับธูปเทียนเพื่อตักบาตรถวายพระ ซึ่งที่จังหวัดสระบุรีได้จัดพิธีตักบาตรดอกเข้าพรรษาและถวายเทียนพระราชทาน ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร และเป็นสถานที่ประดิษฐาน “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งตามคติชาวลังกาเชื่อว่า เป็นหนึ่งในรอยพระพุทธเจ้าได้ประทับรอยพระพุทธบาทไว้ 5 แห่ง

สำหรับปีนี้ เทศบาลเมืองพระพุทธบาท ร่วมกับจังหวัดสระบุรี สานต่อมรดกวัฒนธรรมท้องถิ่นจัดงานประเพณี “ตักบาตรดอกเข้าพรรษา และถวายเทียนพระราชทาน ประจำปี 2560” ย้อนตำนานสระบุรี สืบสานประเพณีหนึ่งเดียวในโลก ระหว่างวันที่ 7-9 กรกฎาคม 2560 ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร จังหวัดสระบุรี

บัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า งานประเพณีตักบาตรดอกเข้าพรรษา และถวายเทียนพระราชทาน ปีนี้กำหนดจัดขึ้นบริเวณถนนสายคู่ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร โดยถือเป็นมรดกประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีความสำคัญของชาวจังหวัดสระบุรีและประเทศไทย ที่อยู่คู่กับวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ซึ่งมีเพียงแห่งเดียวในโลก โดยเมื่อถึงวันเข้าพรรษา คือวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปีชาวอำเภอพระพุทธบาทจะนำดอกเข้าพรรษาใช้ตักบาตร กระทั่งเกิดเป็นประเพณีท้องถิ่น

ชนัตถ์ นันทปัญญา รองนายกเทศมนตรีเมืองพระพุทธบาท กล่าวว่า “ก่อนวันพิธีเปิดของการจัดงาน จะเป็นพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่ในอาณาบริเวณพระพุทธบาท รวมถึงพิธีถวายเทียนพระราชทาน ในวันศุกร์ที่ 7 กรกฎาคม 2560 เวลา 14.30 น. ขบวนพยุหยาตรา ขบวนเจ้าเมืองสระบุรี ขบวนเทียนพรรษาพระราชทาน ขบวนรถบุปผชาติ การแสดงศิลปะพื้นบ้าน วัฒนธรรม และขบวนต่างๆ จะเริ่มเคลื่อนขบวนออกจากหน้าสำนักงานเทศบาลเมืองพระพุทธบาท ไปตามถนนพหลโยธิน และเลี้ยวเข้าบริเวณวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร”

ที่พิเศษในปีนี้ คือ เทศบาลเมืองพระพุทธบาทได้จัดทำ “พระผงดอกเข้าพรรษา หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์” ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวจังหวัดสระบุรี โดยเป็นการนำมวลสารดอกเข้าพรรษาที่ผู้ศรัทธานำไปสักการบูชารอยพระพุทธบาทเมื่อปีที่ผ่านมา และนำไปเข้าพิธีปลุกเสก เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาเช่าบูชาเพื่อความสิริมงคล

 

ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน