เผยแพร่ |
---|
อาการปวดท้อง อาจเกิดได้จากหลากหลายปัจจัย หนึ่งในสาเหตุที่พบได้บ่อยคือมีกรดในกระเพาะมากเกินไป หรือที่หลายๆ คนเรียกว่าอาการกรดไหลย้อน เมื่อมีภาวะกรดไหลย้อน จะส่งผลทำให้รู้สึกจุกเสียดท้อง แสบร้อนบริเวณหน้าอก ซึ่งวิธีบรรเทาอาการแก้กรดไหลย้อนอย่างเร่งด่วนด้วยตัวเองเบื้องต้นก็จะเป็นการทานยาลดกรดไหลย้อนนั่นเอง
ปัจจุบันมียาลดกรดในกระเพาะ หรือยาลดกรดไหลย้อนในรูปแบบชนิดน้ำที่มีเสริมรสชาติให้ทานง่าย ทั้งแบบขวดและแบบซองให้พกพาได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แต่เพื่อให้ผลลัพธ์ในการทานมีประสิทธิภาพมากที่สุด เรามาดูกันว่าอาการปวดท้องหรือพฤติกรรมแบบใดที่บ่งบอกได้ว่าเรากำลังเป็นกรดไหลย้อน และเมื่อไหร่ที่ควรทานยาลดกรดในกระเพาะอาหารกัน
อาการแบบไหนต้องใช้ยาลดกรดในกระเพาะ
อาการปวดท้องมีสาเหตุจากหลายปัจจัย แต่ถ้าหากมีอาการปวดท้องที่เข้าข่ายในลิสต์ต่อไปนี้ อาจมีแก๊สและกรดในกระเพาะมากเกินไป ส่งผลให้อาจเป็นกรดไหลย้อน
- จุกเสียด ท้องอืด แน่นท้อง
- มีอาการเจ็บคอ เจ็บหน้าอกร่วม รู้สึกจุกบริเวณลำคอ
- เรอมีกลิ่นเปรี้ยว รู้สึกได้รับรสเปรี้ยวย้อนขึ้นกลับมาในคอ
- มีอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอกหลังการทานมื้อหนัก
- มีอาการไอแห้ง เสียงแหบ และอาการหอบ
- รู้สึกคลื่นไส้ ไปจนถึงมีอาการอาเจียนหลังจากการทานอาหาร
พฤติกรรมที่ทำให้คุณต้องทานยาลดกรดไหลย้อน หรือมีแก๊สสะสมในกระเพาะ
หากยังไม่เคยมีอาการปวดท้องอย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้า แต่มีพฤติกรรมหรือความเคยชินในการทานอาหารเหล่านี้ ก็อาจส่งผลให้ต้องทานยาลดกรดไหลย้อน ลดกรดในกระเพาะด้วยเช่นกัน
- ทานอาหารไม่ตรงเวลา
- มีความวิตกกังวล หรือเครียดสะสม
- ชอบดื่มน้ำอัดลม
- น้ำหนักเกินเกณฑ์
- ทานอาหารรสจัดบ่อย
- ดื่มกาแฟตอนท้องว่าง
- มีพฤติกรรมสูบบุหรี่จัด และดื่มแอลกอฮอล์บ่อย
- มักจะทานยาแก้ปวดที่ส่งผลระคายเคืองกระเพาะอาหารเวลาท้องว่าง
- อาการแทรกซ้อนจากโรคอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคผิวหนัง
วิธีรักษาอาการกรดไหลย้อน
กรดไหลย้อนเป็นภาวะผิดปกติทางร่างกายที่มักพบว่ามีสาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมที่ทำสะสมมาเป็นระยะเวลานาน เพราะฉะนั้นการจะรักษาให้หายขาดนั้นจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในระยะยาว รวมไปถึงการทานยาเพื่อบรรเทาอาการ
- เลี่ยงการทานอาหารก่อนเข้านอน 2-3 ชั่วโมง
- ทานอาหารในปริมาณที่พอดี
- หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลม เครื่องดื่มช็อกโกแลต กาแฟ อาหารที่มีไขมันหรือกรดสูง น้ำผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว
- ออกกำลังกาย
- ทานยาลดกรดในกระเพาะ หรือยาลดกรดไหลย้อน
- ผ่าตัด (สำหรับผู้ที่พบว่าเป็นโรคกรดไหลย้อนเรื้อรัง)
แนะนำยาลดกรดในกระเพาะอาหาร รสชาติดี ออกฤทธิ์เร็ว
หากกำลังมองหายาแก้ปวดท้อง ยาลดกรดในกระเพาะอาหารยี่ห้อไหนดีสำหรับบรรเทาอาการกรดไหลย้อนที่เป็นอยู่ ขอแนะนำยาลดกรดไหลย้อนชนิดทานง่าย ราคาไม่แพง พกพาสะดวก อย่างยากรดไหลย้อน เบลสิด เกิร์ด (Belcid GERD) ยาบรรเทาอาการปวดท้อง ลดแก๊สในกระเพาะได้ในเวลาที่ต้องการ
ตัวยารักษากรดไหลย้อน เบลสิด เกิร์ด ทำออกมาในรูปแบบซอง ช่วยให้พกพาได้สะดวก ไม่หนักกระเป๋า ชนิดของยาเป็นแบบน้ำ มาพร้อมกับรสชาติราสเบอร์รี หอม ดื่มง่ายกว่ายาแก้กรดไหลย้อนแบบเม็ด อีกทั้งรสหวานซึ่งเป็น Sugar Free ของราสเบอร์รียังช่วยลดอาการแสบท้อง แสบคอเมื่อทานยาเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่ารสมินต์ที่อาจทำให้แสบได้
วิธีกินยาลดกรดในกระเพาะ ยาลดกรดไหลย้อนเบลสิด เกิร์ด สามารถทานครั้งละ 1-2 ซอง วันละ 3-4 ครั้ง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพของการรักษามากที่สุดแนะนำเป็นช่วงหลังอาหารประมาณ 30 นาที หรือหากมีอาการทันทีก็สามารถทานเมื่อมีอาการของกรดไหลย้อนก็จะบรรเทาอาการได้ โดยสรรพคุณของเบลสิด เกิร์ด จะออกฤทธิ์ภายใน 5 นาที และออกฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการนานถึง 4 ชั่วโมง สร้างชั้นเจลภายในกระเพาะอาหารเพื่อป้องกันการไหลย้อนของกรดและสารระคายเคืองต่างๆ
นอกจากนี้ ยาลดกรดไหลย้อนเบลสิด เกิร์ด ยังสามารถทานได้ตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป ปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงต่อผู้สูงอายุและหญิงตั้งครรภ์ รวมถึงไม่ส่งผลระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารอีกด้วย
สรุป ยาลดกรดไหลย้อน ปวดท้องเมื่อไหร่ คิดถึง เบลสิด เกิร์ด
เมื่อมีอาการปวดท้องซึ่งมีสาเหตุมาจากอาการกรดไหลย้อน หรือมีแก๊สในกระเพาะอาหาร สามารถใช้วิธีลดกรดในกระเพาะด้วยตัวเองได้จากการทานยาลดกรดในกระเพาะ และยาลดกรดไหลย้อน ซึ่งเป็นวิธีแก้อาการกรดไหลย้อนเบื้องต้นที่ส่งผลให้อาการปวดท้องทุเลาลง
ยาลดกรดในกระเพาะเบลสิด เกิร์ด เป็นยาลดแก๊ส ลดกรดในกระเพาะชนิดน้ำที่มีรสราสเบอร์รีทานง่าย ไม่เพิ่มการแสบระคายเคือง ออกฤทธิ์เร็ว เหมาะที่จะทานในช่วงเวลาเร่งด่วน ที่สำคัญหาซื้อยาลดกรดไหลย้อนเบลสิด เกิร์ด ได้ง่ายตามร้านขายยา และร้านสะดวกซื้อชั้นนำทั่วประเทศ เช่น 7-11, CJ, Jiffy รวมถึงช่องทางการสั่งซื้อออนไลน์ เพียงแอด Line: @Biopharm ก็สามารถสั่งซื้อได้แล้ว
ไม่ว่าจะปวดท้องในเวลาเร่งด่วนแค่ไหน ก็สะดวกซื้อ สะดวกทาน หากมีอาการกรดไหลย้อน คิดถึง เบลสิด เกิร์ด ติดต่อสอบถามหรือดูข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ : @Biopharm