เผยแพร่ |
---|
วนเกษตร เป็นแนวทางการเกษตรที่มุ่งเน้นการรวมกันระหว่างการปลูกพืชและการปลูกป่าในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความหลากหลายทางชีวภาพและส่งเสริมการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ช่วยให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ ลดการใช้สารเคมี และเสริมสร้างระบบนิเวศที่สมดุล การทำวนเกษตรไม่เพียงทำให้พื้นที่เกษตรมีความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ยังช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียว ลดการกัดเซาะของดิน และฟื้นฟูแหล่งน้ำ ซึ่งเป็นการพัฒนาเชิงเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมที่สำคัญในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับเกษตรกรและชุมชนโดยรอบ
สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ในฐานะหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการจัดหาที่ดินทำกินและพัฒนาพื้นที่เกษตรกร ส.ป.ก. ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งวนเกษตรเป็นหนึ่งในแนวทางเกษตรกรรมที่ ส.ป.ก. ส่งเสริมมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 ซึ่งผลการดำเนินงานที่ผ่านมาได้ครอบคลุมพื้นที่กว่า 276,317 ไร่ และเกษตรกร 35,645 ราย ได้รับการสนับสนุน โดยมีครูต้นแบบวนเกษตรจำนวน 103 ราย ที่ทำหน้าที่เป็นแหล่งเรียนรู้และตัวอย่างในการนำวนเกษตรไปปฏิบัติในพื้นที่ต่างๆ อย่างไรก็ตาม เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินยังประสบปัญหาความยากจนและหนี้สินสูง เนื่องจากพึ่งพาการทำเกษตรเชิงเดี่ยวและปัจจัยการผลิตจากภายนอกมากเกินไป ซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและความมั่นคงทางอาหาร
เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ส.ป.ก. ได้จัดกิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร “การสร้างและพัฒนาเครือข่ายวนเกษตรให้สอดคล้องกับภูมิสังคมในเขตปฏิรูปที่ดิน” ระหว่างวันที่ 21-23 สิงหาคม 2567 ที่สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดย นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการ ส.ป.ก. มอบหมายให้ นายวัฒนา มังธิสาร รองเลขาธิการ ส.ป.ก. เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานนี้ ว่ามีเป้าหมายในการเสริมสร้างเครือข่ายวนเกษตรที่เข้มแข็ง และการถ่ายทอดความรู้จากครูต้นแบบ เพื่อให้สอดคล้องกับภูมิสังคมในเขตปฏิรูปที่ดิน
นายวัฒนา มังธิสาร กล่าวว่า การอบรมในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างเกษตรกรและผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่ยังถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนวนเกษตรให้เป็นแนวทางหลักในการพัฒนาเกษตรกรรมที่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นให้เกษตรกรมีชีวิตที่ดีขึ้น และมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
การอบรมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 220 คน ประกอบด้วยเกษตรกรครูต้นแบบ เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. วิทยากร และหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ เช่น กรมป่าไม้ สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร งานนี้ยังเปิดโอกาสให้เกษตรกรจากเขตปฏิรูปที่ดิน 72 จังหวัด นำสินค้าเกษตรมาแสดงและจำหน่าย เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตในชุมชน
“การพบปะในวันนี้เป็นโอกาสสำคัญที่เราจะได้เรียนรู้จากกันและกัน ซึ่งเกษตรกรที่เข้าร่วมการอบรมครั้งนี้ล้วนเป็นผู้มีองค์ความรู้ที่สมบูรณ์ และสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่อาจพบในการทำวนเกษตร ในท้ายที่สุดหวังว่าการอบรมนี้จะช่วยเสริมสร้างเครือข่ายวนเกษตรที่เข้มแข็ง และสามารถต่อยอดองค์ความรู้ของเกษตรกรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทั้งชุมชนและสิ่งแวดล้อม” นายวัฒนา กล่าว
นอกจากนี้ นายวัฒนายังเน้นย้ำเรื่องสิทธิประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับจากโฉนดเพื่อการเกษตร โดยกล่าวถึงการใช้ประโยชน์จากโฉนดเพื่อการเกษตรที่เป็นส่วนสำคัญของการสนับสนุนด้านวนเกษตร ประกอบด้วย
1. การโอนสิทธิ: เกษตรกรสามารถโอนโฉนดเพื่อการเกษตรให้กับ ส.ป.ก. หรือเกษตรกรรายอื่นที่นอกเหนือจากทายาทโดยชอบธรรมแต่มีคุณสมบัติตามข้อกำหนดของ ส.ป.ก.
2. วงเงินสินเชื่อ: โฉนดเพื่อการเกษตรสามารถใช้เป็นหลักทรัพย์ในการขอกู้เงินจาก ธ.ก.ส. และได้รับสินเชื่อนโยบายจากกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามราคาประเมิน ซึ่งช่วยให้เกษตรกรมีแหล่งทุนใหม่ๆ และสามารถเข้าถึงวงเงินสินเชื่อได้เต็มที่ โดยยังมีโอกาสเพิ่มแหล่งสินเชื่อใหม่จากการเจรจากับหน่วยงานต่างๆ
3. การสร้างรายได้: การปลูกไม้มีค่า 10 ต้นต่อไร่ และขาย Carbon Credit ช่วยเพิ่มทรัพย์สินและสร้างรายได้ใหม่ให้กับเกษตรกร พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้เกษตรกรค้าโฉนดต้นไม้ได้ ซึ่งเป็นวิธีเพิ่มมูลค่าพื้นที่การเกษตร และมีรายได้จากการปลูกต้นไม้
4. การสนับสนุนจากภาครัฐ: เกษตรกรจะได้รับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคจากการทำ MOU กับ 16 หน่วยงาน ซึ่งรวมถึงการชดเชยหรือเยียวยาภัยพิบัติ โดยการสนับสนุนเหล่านี้ช่วยให้เกษตรกรมีฐานรากที่แข็งแกร่งและลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ
การอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร “การสร้างและพัฒนาเครือข่ายวนเกษตรให้สอดคล้องกับภูมิสังคมในเขตปฏิรูปที่ดิน” ไม่เพียงเป็นโอกาสให้เกษตรกรได้เรียนรู้และแบ่งปันความรู้ แต่ยังเปิดโอกาสให้เกษตรกรเข้าถึงสิทธิประโยชน์ที่สำคัญจากโฉนดเพื่อการเกษตร การใช้ประโยชน์จากโฉนดเพื่อการเกษตรในหลายๆ ด้าน เช่น การโอนสิทธิ, การเข้าถึงวงเงินสินเชื่อ, การค้ำประกัน, การสร้างรายได้จากการปลูกไม้มีค่า และการสนับสนุนจากรัฐ ซึ่งเป็นการช่วยเสริมสร้างความมั่นคงและเพิ่มศักยภาพให้กับเกษตรกรในระยะยาว
เชื่อได้ว่าการสนับสนุนอย่างครบวงจรจาก ส.ป.ก. และหน่วยงานพันธมิตร ช่วยให้การทำวนเกษตรกลายเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเกษตรกรรมที่ยั่งยืน และเป็นแนวทางในการเพิ่มความมั่นคงทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของเกษตรกรอย่างแท้จริง ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เกษตรกรมีโอกาสเติบโตและสร้างสรรค์อนาคตที่สดใสในภาคเกษตรกรรมต่อไป