บำรุงสุขฟาร์ม เพราะ “ป่า คน ผึ้ง และธุรกิจ” ไม่สามารถแยกออกจากกันได้

บำรุงสุขฟาร์ม เพราะ “ป่า คน ผึ้ง และธุรกิจ” ไม่สามารถแยกออกจากกันได้

“น้ำผึ้ง” เป็นอาหารที่อยู่คู่กับสังคมมนุษย์มาอย่างยาวนาน รสชาติหวานหอมของน้ำผึ้งจากผืนป่า เป็นองค์ความรู้ด้านการใช้สอยประโยชน์จากธรรมชาติที่สืบทอดต่อกันมาตั้งแต่ในอดีต ในปัจจุบันน้ำผึ้งไม่ได้เป็นเพียงผลผลิตจากธรรมชาติที่ใช้อุปโภคบริโภคภายในครัวเรือนเท่านั้น แต่น้ำผึ้งได้กลายเป็นสินค้าที่ถูกขายอย่างแพร่หลายเพื่อสร้างรายได้ให้กับผู้คนและชุมชน โดยน้ำผึ้งนั้นแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ “น้ำผึ้งป่า” น้ำผึ้งที่เก็บตามธรรมชาติตามป่าเขา และ “น้ำผึ้งเลี้ยง”  การเก็บน้ำผึ้งที่ได้จากการเลี้ยงผึ้งแบบฟาร์ม วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านชวนมาทำความรู้จักกับ “บำรุงสุขฟาร์ม” ฟาร์มเกษตรอินทรีย์ที่ทำมากกว่าการขายน้ำผึ้งป่าจากธรรมชาติ 

     “บำรุงสุขฟาร์ม” ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ อำเภอตาคลี ซึ่งดำเนินกิจการภายใต้การดูแลของ วีรวิชญ์ อินทร์ประยงค์ หรือ คุณเบนซ์ อดีตครูสอนว่ายน้ำที่ผันตัวมาเป็นเกษตรกรพร้อมทั้งบทบาทสุดท้าทายอย่างการเป็น “พ่อค้าขายน้ำผึ้ง” และ “นักสะสมน้ำผึ้งไทย” 

ที่มาของบำรุงสุขฟาร์ม 

     คุณเบนซ์เล่าว่าภายหลังการประกอบอาชีพครูสอนว่ายน้ำจนอายุเริ่มมากขึ้น คุณเบนซ์ก็มองหาอาชีพใหม่ ที่จะสามารถให้ความมั่นคง ยั่งยืน และมอบเวลาอยู่ร่วมกันของครอบครัวได้ จุดนี้เองที่ทำให้คุณเบนซ์ตัดสินใจผันตัวมาเป็นเกษตกร เช่าพื้นที่กว่า 5 ไร่ของเพื่อนเพื่อลงมือทำการเกษตรอินทรีย์ โดยในการทำการเกษตรนี้ไม่ใช่เพียงการทำเกษตรเพื่อค้าขายผลผลิตอย่างยั่งยืน แต่ที่บำรุงสุขฟาร์มยังเป็นพื้นที่ให้ชุมชนในจังหวัดนครสวรรค์ได้เข้ามาเรียนรู้เรื่องการทำเกษตรแบบออแกนิค การลดใช้สารเคมีด้วยการใช้จุลินทรีย์ ตลอดจนการทำการตลาดและการแปรรูป แต่ในปัจจุบันเนื่องด้วยการหันมาทำธุรกิจขายน้ำผึ้งอย่างจริงจัง ทำให้ตัวคุณเบนซ์และบำรุงสุขฟาร์มไม่มีเวลาในการทำกิจกรรมแบบเดิมนัก อย่างไรก็ดีคุณเบนซ์ก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะทำเกษตรอินทรีย์อยู่เช่นเดิม 

 

Advertisement

จากความสนใจสู่การเป็นนักสะสมและขายน้ำผึ้ง

     ความสนใจเรื่องน้ำผึ้งของคุณเบนซ์ดำเนินมาต่อเนื่องเข้าปีที่ 8 โดยจุดเริ่มต้นนั้นเริ่มจากในช่วงที่คุณเบนซ์ทำเกษตรอินทรีย์ การทำงานเครื่องจักรสานเองก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาเดี๋ยวกัน ในช่วงเวลานั้นเอง เป็นช่วงที่คุณเบนซ์ได้ออกเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ และพบเจอกับผู้คนมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่บนพื้นที่ภูเขาสูงทางแถบภาคเหนือ 

Advertisement

     คุณเบนซ์แบ่งปันกับเรา ว่าแรกเริ่มเดิมทีตัวเขาไม่ได้เป็นกูรูน้ำผึ้งตั้งแต่ต้น แต่อาศัยการเรียนรู้จากคนรอบข้างและการพูดคุยแลกเปลี่ยนกับคนอื่น ๆ คุณเบนซ์กล่าวว่า สำหรับตัวเขาแล้ว ในบางครั้งลูกค้าก็เปรียบเสมือนครูคนหนึ่งที่เข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้ “ในขณะที่เราแม่นยำเรื่องรสชาติและที่มาของน้ำผึ้ง ลูกค้าก็มีประสบการณ์ในการใช้น้ำผึ้งในสายงานของเขา บางคนเป็นเชฟ เป็นบาริสต้า เป็นบาร์เทนเดอร์ เขาก็เป็นเหมือนครูเราเหมือนกัน เป็นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ซึ่งกันและกัน” 

บำรุงสุขฟาร์ม เพราะ “ป่า คน ผึ้ง และธุรกิจ” ไม่สามารถแยกออกจากกันได้
บำรุงสุขฟาร์ม เพราะ “ป่า คน ผึ้ง และธุรกิจ” ไม่สามารถแยกออกจากกันได้

การเก็บน้ำผึ้งป่า 

     คุณเบนซ์เล่าว่า หากเป็นผึ้งที่อยู่ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียง คุณเบนซ์จะเดินทางไปเก็บด้วยตัวเอง โดยในการเก็บแต่ละครั้งต้องเริ่มจากทำความรู้จักกับชนิดของผึ้งเสียก่อน เพื่อจัดหาชุดป้องกันที่เหมาะสมกับผึ้งชนิดนั้น ๆ แต่ถ้าหากเป็นผึ้งที่มาจากป่าและพื้นที่อื่น ๆ ก็จะเป็นในส่วนของการรับซื้อน้ำผึ้งจากชาวบ้านแทน คุณเบนซ์ได้แบ่งปันกับเราอีกว่าในการเก็บน้ำผึ้งจะมี “หมอผึ้ง” และ “หมอดิน” โดยหมอผึ้งนั้นหมายถึงคนตีผึ้ง และหมอดิน คือ คนจัดเตรียมอุปกรณ์ ซึ่งในแต่ละพื้นที่จะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป อย่างในกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ แทนที่จะมีหมอดินและหมอผึ้ง จะใช้เป็นการทำพิธีไหว้เจ้าป่าเจ้าเขาและทำพิธีกรรมอื่น ๆ แทน 

บำรุงสุขฟาร์ม เพราะ “ป่า คน ผึ้ง และธุรกิจ” ไม่สามารถแยกออกจากกันได้
บำรุงสุขฟาร์ม เพราะ “ป่า คน ผึ้ง และธุรกิจ” ไม่สามารถแยกออกจากกันได้

มิติของน้ำผึ้งและการใช้สอย 

     น้ำผึ้งในแต่ละพื้นที่ย่อมมีรสชาติต่างกัน คุณเบนซ์เล่าว่าความอุดมสมบูรณ์และที่ตั้งของป่าแต่ละพื้นที่มีผลอย่างมากต่อรสชาติของน้ำผึ้ง คุณเบนซ์เสริมว่า “ในบางแหล่งน้ำผึ้งจะมีกลิ่นพิเศษ น้ำผึ้งก็จะมีกลิ่นของป่าและแหล่งที่อยู่ เช่น น้ำผึ้งจากเทือกเขาบรรทัดก็จะมีกลิ่นของสมุนไพรในพื้นที่รวมอยู่ด้วย” 

     ซึ่งในปัจจุบันคุณเบนซ์ได้แบ่งน้ำผึ้งออกเป็น 10 มิติ คือ หวาน หวานหอม หวานนวล หวานเปรี้ยว หวานเค็ม หวานเย็น หวานเผ็ด และอีก 2 อย่าง คือ มิติของกลิ่นจากป่าพรุและป่าชายเลน แต่อย่างไรก็ตามคุณเบนซ์ก็ได้กล่าวต่อว่า มิติทั้ง 10 มิตินี้เป็นเพียงมิติเล็ก ๆ ในโลกของน้ำผึ้งเท่านั้น ยังมีมิติ รสชาติ และกลิ่นอีกมากที่ยังลองให้คุณเบนซ์และผู้คนได้แวดวงน้ำผึ้งได้ค้นพบ โดยน้ำผึ้งแต่ละมิตินั้นจะเหมาะกับการใช้สอยที่แตกต่างกันออกไป เช่น น้ำผึ้งจากเชียงของ จะให้กลิ่นที่มีความคาวเล็กน้อย จึงเหมาะกับการใส่เติมความหวานให้กับกาแฟคั่วกลาง 

บำรุงสุขฟาร์ม เพราะ “ป่า คน ผึ้ง และธุรกิจ” ไม่สามารถแยกออกจากกันได้
บำรุงสุขฟาร์ม เพราะ “ป่า คน ผึ้ง และธุรกิจ” ไม่สามารถแยกออกจากกันได้

ป่า คน ผึ้ง และธุรกิจ 

     สำหรับคุณเบนซ์แล้วทั้ง 4 สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจแยกขาดออกจากกันได้ เมื่อทำธุรกิจก็ต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของทั้ง ป่า คน และผึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ป่า’ ที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อปริมาณและรสชาติของน้ำผึ้ง คุณเบนซ์เล่าว่าเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงกับธรรมชาติและระบบนิเวศ จะทำให้น้ำผึ้งบางรสชาติหายไป เพราะดอกไม้ชนิดนั้น ๆ ไม่บานตามฤดูกาล เมื่อความหลากหลายทางธรรมชาติลดลง ความหลากหลายของน้ำผึ้งก็จะลดลงด้วยเช่นกัน และเช่นเดียวกับป่า หากป่าเสื่อมสภาพลงก็ย่อมหมายถึงการที่น้ำผึ้งจะลดจำนวนลงเช่นเดียวกัน ดังนั้น คุณเบนซ์จึงมองว่าในการเก็บน้ำผึ้ง เราควรเก็บอย่างยั่งยืนมากกว่าที่จะรีบเร่งทำกำไรจากน้ำผึ้งเพียงอย่างเดียว

การเก็บน้ำผึ้งอย่างยั่งยืน คือ การเก็บเพียงน้ำหวานจากผึ้ง แต่ยังคงปล่อยตัวอ่อนทิ้งไว้ เพื่อให้ผึ้ง  สามารถกลับมาทำรังได้ต่อและสามารถเก็บน้ำผึ้งได้เรื่อย ๆ ตลอดทั้งปี โดยคุณเบนซ์ได้แบ่งปันกับเราว่า “เพราะถ้าเราเก็บแค่น้ำหวานเราสามารถเก็บน้ำหวานจากผึ้งได้ถึง 7 รอบ แต่ถ้าเราเก็บผึ้งไปทั้งรัง ผึ้งก็จะย้ายไปทำกินที่อื่น” 

      นอกจากป่าที่สำคัญแล้ว ความยั่งยืนของคุณเบนซ์ยังรวมไปถึงความยั่งยืนทางรายได้ของชุมชนที่อยู่รอบด้านอีกด้วย โดยคุณเบนซ์มองว่าการทำธุรกิจและการค้าขายไม่ใช่แค่เรื่องกำไร แต่ชุมชนต้องอยู่ได้ด้วย ราคาซื้อราคาขายต้องมีความเป็นธรรม เป็นการอยู่ร่วมกันของธุรกิจและชุมชน คุณเบนซ์ได้เน้นย้ำว่า “การทำธุรกิจเราต้องมองที่ชุมชนด้วย ถ้าป่าดี ป่าก็ดูแลชุมชน ถ้าชุมชนมีรายได้ ชุมชนก็อยู่ได้ ตัวเราเองก็พยายามทำให้คนรู้จักน้ำผึ้งไทย ในขณะเดียวกันเราก็เข้าหาชุมชนด้วย พยายามทำให้มันยั่งยืน” 

บำรุงสุขฟาร์ม เพราะ “ป่า คน ผึ้ง และธุรกิจ” ไม่สามารถแยกออกจากกันได้
บำรุงสุขฟาร์ม เพราะ “ป่า คน ผึ้ง และธุรกิจ” ไม่สามารถแยกออกจากกันได้

ความยั่งยืนในรูปแบบของการแปรรูปและการจัด workshop 

      น้ำผึ้ง ไม่ใช่สินค้าเพียงอย่างเดียวที่บำรุงสุขฟาร์มจำหน่าย แต่ยังมีสิ่งที่เรียกว่า “ฮันนี่ไซรัป” หรือน้ำผึ้งหมักด้วยผลไม้ โดยคุณเบนซ์มักจะเลือกผลไม้พื้นบ้านและผลไม้ประจำฤดูกาลต่าง ๆ ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในการทำฮันนี่ไซรัป เนื่องจากเจ้าฮันนี่ไซรัปนี้มักจะไปปรากฎตัวในร้านอาหารและคาเฟ่ต่าง ๆ ในฐานะส่วนผสมของเครื่องดื่ม ซึ่งคุณเบนซ์มองว่าการเลือกใช้ผลไม้ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักจะเป็นช่องทางในการเพิ่มมูลค่าให้กับผลไม้ชนิดนั้น ๆ  ได้ 

     นอกจากนี้ที่บำรุงสุขฟาร์มยังมีการจัดกิจกรรม workshop ให้กลุ่มคนที่สนใจได้เข้ามาเรียนรู้เรื่องน้ำผึ้งจากสถานที่จริง เพื่อให้คนได้เห็นว่ากว่าจะได้น้ำผึ้งมานั้นต้องผ่านขั้นตอนและกระบวนใดบ้าง อีกทั้งยังเป็นการสร้างความตระหนักถึงปัญหาทางสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ที่อาจทำให้ผึ้งที่ผลิตน้ำหวานนั้นหายไปจากป่าอีกด้วย

บำรุงสุขฟาร์ม เพราะ “ป่า คน ผึ้ง และธุรกิจ” ไม่สามารถแยกออกจากกันได้
บำรุงสุขฟาร์ม เพราะ “ป่า คน ผึ้ง และธุรกิจ” ไม่สามารถแยกออกจากกันได้

การตลาดของบำรุงสุขฟาร์ม 

     การตลาดของบำรุงสุขฟาร์มไม่ได้เน้นที่การโปรโมทสินค้าหรือยิงโฆษณา แต่เน้นการพูดคุยและขยายความรู้ความเข้าใจต่อน้ำผึ้งไทย โดยคุณเบนซ์มองว่าแม้ว่าการเล่าและอธิบายเรื่องน้ำผึ้งจะใช้เวลานาน และไม่ได้แปลว่าทุกคนที่ฟังจะสนใจซื้อสินค้าจากบำรุงสุขฟาร์ม แต่คุณเบนซ์บอกกับเราว่า “ขาดทุนคือกำไร” แม้ว่าในการอธิบายหนึ่งครั้งจะมีลูกค้าซื้อสินค้าเพียง 2-3 คน แต่ก็ถือว่าได้ทำให้คนรู้จักน้ำผึ้งไทยแล้ว คุณเบนซ์มองว่าสิ่งนี้ต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญ

บำรุงสุขฟาร์ม เพราะ “ป่า คน ผึ้ง และธุรกิจ” ไม่สามารถแยกออกจากกันได้
บำรุงสุขฟาร์ม เพราะ “ป่า คน ผึ้ง และธุรกิจ” ไม่สามารถแยกออกจากกันได้

น้ำผึ้งไทยและบำรุงสุขฟาร์มในอนาคต 

     คุณเบนซ์มองว่าน้ำผึ้งของไทยนั้นมีประสิทธิภาพสูงมากและมีเอกลักษณ์ที่เด่นชัด เนื่องจากประเทศไทยเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางพันธุกรรมสูง ทำให้น้ำผึ้งไทยนั้นมีความหลากหลายตามจำนวนดอกไม้ต่าง ๆ ที่ขึ้นในประเทศไทย ในอนาคตคุณเบนซ์ก็หวังว่า ประเทศไทยจะสามารถจัดตั้งสมาคมน้ำผึ้งเพื่อเป็นประโยชน์กับวงการน้ำผึ้งต่อไปได้ อีกทั้งในด้านอนาคตของบำรุงสุขฟาร์ม คุณเบนซ์ก็ได้พูดถึงความหวังของตัวเองไว้ว่า “ถ้ามีคู่ค้าสนใจทำธุรกิจร่วมกับเรา เราอยากมีหน้าร้านน้ำผึ้งในแต่ละภูมิภาค อยากจะมีการนำเสนอน้ำผึ้งในแต่ละพื้นที่ อยากให้คนรู้ว่าน้ำผึ้งแต่ละพื้นที่มีดียังไง ถึงอย่างนั้น เราก็อยากจะธุรกิจของเราเป็นการโตอย่างช้า ๆ แต่มั่นคง”

บำรุงสุขฟาร์ม เพราะ “ป่า คน ผึ้ง และธุรกิจ” ไม่สามารถแยกออกจากกันได้
บำรุงสุขฟาร์ม เพราะ “ป่า คน ผึ้ง และธุรกิจ” ไม่สามารถแยกออกจากกันได้

     นอกจากนี้ที่บำรุงสุขฟาร์ม ยังมีจัดเดินทางจัด private group ชิมน้ำผึ้งทั่วประเทศ ซึ่งราคาอยู่ 1,800 บาทต่อ 1 คน ขั้นต่ำในการจัด workshop  10 คนต่อหนึ่งครั้ง โดยหากเป็นพื้นที่ต่างจังหวัด ผู้เข้าร่วมต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่ายและค่าที่พักให้ทีมงาน และหากสนใจพูดคุยเรื่องน้ำผึ้งหรือติดต่อการทำ workshop สามารถติดต่อได้ที่  BUM RUNG SUUK artisan natural honey