เผยแพร่ |
---|
“โกโก้” พืชเศรษฐกิจเขตร้อน ที่มักปรากฏตัวอยู่ในชีวิตประจำวันของเราในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่ม ของหวาน หรือแม้แต่สินค้าอุปโภคก็สามารถพบเจอส่วนผสมของโกโก้ได้ทั้งสิ้น โดยของแปรรูปที่ทำจากโกโก้ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดก็เห็นจะหนีไม่พ้นนมหวานแสนอร่อยอย่าง “ช็อกโกแลต” อันเป็นที่โปรดปรานของใครหลายต่อหลายคน ซึ่งโดยมากเรามักจะคิดว่าช็อกโกแลตต้องมาจากต่างประเทศเท่านั้นจึงจะเป็นโกโก้ที่ดี แต่แท้จริงแล้ว โกโก้ที่มาจากประเทศไทยเองก็มีดีไม่แพ้โกโก้จากประเทศอื่นๆ เลย และไม่ว่าใครก็สามารถปลูกโกโก้ในพื้นที่ของตัวเองได้ ! วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านชวนมาดูวิธีและขั้นตอนการปลูกโกโก้อย่างง่ายๆ สำหรับผู้เริ่มต้น
การปลูกโกโก้
สำหรับผู้ปลูกโกโก้เบื้องต้น จำเป็นต้องรู้ก่อนว่าในประเทศไทยมีพันธุ์โกโก้ที่ปลูกเพื่อแปรรูปอยู่ 3 ชนิด คือ พันธุ์ชุมพร พันธุ์ IM1 และพันธุ์ดั้งเดิม ซึ่งสามารถขยายพันธุ์ได้ผ่านการตอน ติดตา ทาบกิ่ง และการเพาะเมล็ด โดยแบ่งลักษณะการปลูกออกเป็น 2 แบบ ดังนี้
- การปลูกแบบพืชเชิงเดี่ยว
สำหรับการปลูกโกโก้ในลักษณะของพืชเชิงเดี่ยว ควรปลูกในระยะห่าง 3×3 หรือ 3×4 เมตร และหากเลือกปลูกในที่โล่งแจ้ง ควรคลุมด้วยซาแรน เพื่อให้ต้นโกโก้ปรับตัวต่อสภาพแวดล้อม และแสงแดดได้ดี
- การปลูกเป็นพืชแซมคู่กับพืชอื่นๆ ควรปลูกห่างจากโคนของพืชหลักในไร่อย่างน้อย 2 เมตร และควรเว้นระยะห่างระหว่างต้นโกโก้ไม่น้อยกว่า 3 เมตร
โดยในการปลูกโกโก้ทั้งสองแบบ ควรปลูกในพื้นที่ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 800 เมตร เพราะหากเป็นพื้นที่อื่น อุณหภูมิต่ำซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการออกดอกและติดผลของต้นโกโก้
การดูแลโกโก้
แสงแดด ในช่วงที่โกโก้ต้นเล็ก ทนแสงแดดได้ถึง 30% ในระยะที่ต้นเล็กจึงควรให้น้ำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และต้องมีพื้นอื่นๆ ช่วยในการพรางแสงหรือคอยให้ร่มเงากับต้นโกโก้จนกว่าต้นโกโก้จะสามารถทนต่อแดดจัดได้ จึงค่อยให้ต้นโกโก้ออกแสงแดด แต่หากเป็นโกโก้ที่ปลูกแซมกับพืชอื่นๆ มีข้อควรระวังคือ ต้นโกโก้อาจไม่ได้รับแสงอย่างเพียงพอเมื่อต้นเริ่มโต ซึ่งมักจะทำให้การปลูกโกโก้แซมกับพืชอื่นๆ ได้ผลผลิตน้อยกว่าการปลูกโกโก้แบบเชิงเดี่ยว
น้ำ เนื่องจากต้นโกโก้เป็นพืชในเขตร้อนชื้น จึงต้องการน้ำอย่างสม่ำเสมอ พื้นที่ที่เหมาะแก่การปลูกโกโก้จึงควรมีฝนตกอย่างสม่ำเสมอหรือมีแหล่งน้ำที่สามารถให้น้ำแก่ต้นโกโก้ได้เพียงพอตลอดทั้งปี แต่เนื่องจากระบบรากของต้นโกโก้เป็นแบบกระจาย ไม่ลงลึก ในช่วงฤดูฝนจึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากหากมีฝนตกติดต่อกันหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ต้นโกโก้อาจเอนตัวหรือล้มได้ และหากต้นเกิดล้ม ควรรีบพยุงต้นขึ้นเพื่อป้องกันรากขาดและบรรเทาการกระทบกระเทือนที่อาจเกิดกับรากของต้นโกโก้
การให้ปุ๋ย
โดยปกติแล้วต้นโกโก้จะโตเร็ว จึงมักไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องแมลงและศัตรูพืชอื่นๆ นัก วิธีการใส่ปุ๋ยจึงเป็นการใส่ในอัตราส่วนที่ต้นโกโก้ต้องการ โดยมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
- ต้นโกโก้เล็ก ควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์ที่ 0.5-1.0 กิโลกรัมต่อปี ใส่ร่วมกับปุ๋ยเคมีเรโช (fertilizer ratio) 2 : 1 : 1 เช่น 15-5-5 หรือ 16-8-8 ในจำนวน 40-100 กรัมต่อต้นต่อปี
- ต้นโกโก้ที่ให้ผลผลิตแล้ว ควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์ 0.5-1.0 กิโลกรัมต่อปี ร่วมกับปุ๋ยเคมี 2 : 1 : 3 เช่น 15-5-15, 15-5-20 หรือ 15-15-15 ในอัตราส่วน 100 กรัมต่อต้นต่อปี และควรแบ่งใส่ 2 ครั้งในช่วงต้นฤดูฝนและปลายฤดูฝน
โรคและแมลง
เนื่องจากต้นโกโก้ไม่ค่อยมีแมลงหรือศัตรูพืชมาก่อกวนนัก แต่ก็ยังพบหนอนเจาะต้นและกระรอกที่คอยเข้ามากินผลห่ามของโกโก้อยู่มาก จึงเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ควรมีการสอดส่องร่วมด้วย
ในขณะที่โรคที่มักพบในโกโก้คือ โรคผลเน่า โรคใบแห้ง โรคไหม้ และแอนแทรกโนส ซึ่งสามารถแก้ไขโดยการนำผลที่ติดโรคไปเผาทิ้ง และตัดแต่งกิ่งให้มีความโล่งโปร่ง
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.baanlaesuan.com/322631/garden-farm/cocora_cacao_farm