กรมการข้าวชู “ซีบูกันตัง 5” และ “หอมกระดังงา 59” มรดกข้าวพื้นเมืองใต้ เสริมสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่น

ในประเทศไทย ข้าวเป็นทั้งพืชเศรษฐกิจและส่วนสำคัญของวัฒนธรรมท้องถิ่น ข้าวพื้นเมืองในแต่ละภูมิภาคไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความหลากหลายของพันธุ์ข้าว แต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการและศักยภาพในการพัฒนาเป็นสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ข้าวพื้นเมืองกลับยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเท่าที่ควร หลายคนอาจไม่ทราบว่า ข้าวเหล่านี้เป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารและมีคุณสมบัติเฉพาะที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมท้องถิ่น ทำให้มีความทนทานต่อสภาพดินและภูมิอากาศที่แตกต่างกันไป ข้าวพื้นเมืองยังสามารถช่วยสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับชุมชนได้อย่างมีนัยสำคัญ

หนึ่งในหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและอนุรักษ์พันธุ์ข้าวพื้นเมืองคือ ศูนย์วิจัยข้าว โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ศูนย์วิจัยข้าวได้ทำหน้าที่วิจัยสายพันธุ์ข้าวพื้นเมือง ที่มีความเหมาะสมต่อการปลูกในพื้นที่ที่หลากหลาย รวมถึงสนับสนุนการพัฒนาข้าวพื้นเมืองให้เป็นที่รู้จักและเป็นสินค้าที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรท้องถิ่น ซึ่งช่วยส่งเสริมความยั่งยืนในภาคการเกษตร

นายอวยชัย บุญญานุพงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าวปัตตานี

นายอวยชัย บุญญานุพงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าวปัตตานี ได้กล่าวถึงความนิยมของเกษตรกรภาคใต้ที่บริโภคข้าวพื้นเมืองว่า เกษตรกรส่วนใหญ่นิยมบริโภคข้าวพื้นเมืองเป็นหลัก แต่ในอดีตข้าวพื้นเมืองมีผลผลิตต่อไร่ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากเป็นข้าวที่ใช้เวลาอยู่ในนานาน มีความเสี่ยงต่อภัยธรรมชาติและโรคแมลงสูงเมื่อเทียบกับข้าวพันธุ์ผสมทั่วไป แม้ว่าปัญหาเหล่านี้จะเคยเป็นอุปสรรคในการปลูกข้าวพื้นเมือง แต่ด้วยการวิจัยและพัฒนาของศูนย์วิจัยข้าว ข้าวพื้นเมืองจึงได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ให้สามารถเติบโตได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงต่อปัจจัยทางธรรมชาติและเพิ่มผลผลิตต่อไร่ได้มากขึ้น

สองพันธุ์ข้าวที่ได้รับการพัฒนาและกำลังเป็นที่สนใจคือ ข้าวซีบูกันตัง 5 และ ข้าวหอมกระดังงา 59 ข้าวทั้งสองพันธุ์นี้ไม่เพียงแต่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าข้าวขาวทั่วไป แต่ยังสามารถช่วยพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นได้อย่างมีนัยสำคัญ

นายอภิสิทธิ์ มุกดารัตน์ นักวิชาการเกษตรชำนาญการ ศูนย์วิจัยข้าวปัตตานี

นายอภิสิทธิ์ มุกดารัตน์ นักวิชาการเกษตรชำนาญการ ศูนย์วิจัยข้าวปัตตานี ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ข้าวพื้นเมืองภาคใต้ถือเป็นข้าวที่เกษตรกรปลูกมาตั้งแต่ดั้งเดิม และถือเป็นมรดกของครัวเรือนและชุมชน โดยเกษตรกรได้ทำการปลูกและรักษาสายพันธุ์ข้าวเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักที่เกษตรกรเผชิญคือความไม่บริสุทธิ์ของสายพันธุ์ เนื่องจากมีการปะปนของสายพันธุ์ข้าวในพื้นที่ แต่ด้วยการสนับสนุนจากกรมการข้าวและศูนย์วิจัยข้าวต่างๆ เช่น ศูนย์วิจัยข้าวปัตตานี พัทลุง นครศรีธรรมราช และกระบี่ ได้มีการดำเนินงานเพื่อคัดเลือกข้าวพันธุ์พื้นเมืองให้บริสุทธิ์ ซึ่งสามารถแก้ปัญหาการปะปนของสายพันธุ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ข้าวพื้นเมืองที่ได้รับการรับรองพันธุ์จากกรมการข้าวและเป็นที่นิยมของเกษตรกรมีอยู่ 2 พันธุ์ ได้แก่ ข้าวซีบูกันตัง 5 และ ข้าวหอมกระดังงา 59 ข้าวทั้งสองพันธุ์นี้มีคุณลักษณะเฉพาะตัวที่โดดเด่น โดยข้าวซีบูกันตัง 5 เป็นข้าวที่ไม่ไวต่อช่วงแสง ปลูกได้ทั้งนาปีและนาปรัง มีปริมาณอะมิโลสสูงถึง 27.2% ทำให้เหมาะแก่การนำไปเป็นข้าวบริโภคและข้าวอาหารสัตว์ นอกจากนี้ ยังเป็นที่นิยมในหมู่เกษตรกรและพ่อค้าในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ที่มีความต้องการข้าวชนิดนี้สำหรับการเลี้ยงไก่ชน ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกสูงถึงตันละ 12,000-15,000 บาท ในปีที่ผ่านมา

Advertisement

ข้าวหอมกระดังงา 59 ซึ่งได้รับการจดทะเบียนเป็นข้าว GI ของจังหวัดนราธิวาสในปี 2565 เป็นข้าวที่มีเยื่อหุ้มเมล็ดสีแดง อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าข้าวขาวทั่วไป เหมาะแก่การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า เช่น ผลิตภัณฑ์เซรั่มและแชมพูจากข้าวหอมกระดังงา 59 ถือเป็นช่องทางในการสร้างรายได้และพัฒนาข้าวพื้นเมืองให้มีความหลากหลายในการใช้ประโยชน์

Advertisement

ล่าสุดเพื่อนำเสนอความหลากหลายของพันธุ์ข้าวพื้นเมือง กรมการข้าวได้จัดนิทรรศการ กรมการข้าว น้อมนำคำสอน “พ่อ” งานวันลองกอง ในงานของดีเมืองนรา ครั้งที่ 47 ประจำปี 2567 ภายใต้ชื่องาน “๗๒ พรรษา ปีมหามงคล ชาวนราเปี่ยมล้นด้วยพระบารมี” ระหว่างวันที่ 19-28 กันยายน 2567 ณ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา เพื่อสานต่อปณิธานพัฒนาข้าวไทย โดยอัญเชิญพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อครั้งทรงเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรโครงการโคกกูแว อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เมื่อ พ.ศ. 2536 ความว่า

“ข้าวต้องปลูก เพราะอีก 20 ปี ประชากรอาจจะ 80 ล้านคน ข้าวจะไม่พอถ้าลดการปลูกข้าวไปเรื่อยๆ ข้าวจะไม่พอ เราจะต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศ เรื่องอะไร ประชาชนคนไทยไม่ยอม คนไทยนี้ต้องมีข้าว แม้ข้าวที่ปลูกในเมืองไทยจะสู้ข้าวที่ปลูกในต่างประเทศไม่ได้ เราก็ต้องปลูก”

ภายในนิทรรศการมีไฮไลต์สำคัญ ได้แก่

1. นิทรรศการเทิดพระเกียรติ เพื่อยกย่องพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร, พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาข้าวไทย

2. นิทรรศการพันธุ์ข้าวพื้นเมืองภาคใต้ 72 สายพันธุ์ อาทิ พันธุ์ผักเสียน, ยุมหนุน, ช่อหลุมพี และข้าวหอมกระดังงา 59 เพื่อแสดงถึงความหลากหลายและคุณค่าของข้าวท้องถิ่นแต่ละพันธุ์

3. การปรับปรุงพันธุ์ข้าวพื้นเมือง นำเสนอวิธีการคัดเลือกพันธุ์ข้าวพื้นเมืองแบบหมู่และสายพันธุ์บริสุทธิ์ รวมถึงพันธุ์ที่ได้รับการรับรอง เช่น ข้าวซีบูกันตัง 5 และข้าวหอมกระดังงา 59

4. นิทรรศการข้าวพันธุ์รับรองใหม่ 10 พันธุ์ กรมการข้าวได้รับรองพันธุ์ข้าวใหม่ 10 พันธุ์ เช่น กข24 (สกลนคร 72), กข99 (หอมคลองหลวง 72), และ กข109 (หอมพัทลุง 72) เพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสพระชนมพรรษา 72 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

5. การผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวซีบูกันตัง 5 ข้อมูลการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวซีบูกันตัง 5 ในฤดูกาลต่างๆ พร้อมแผนการผลิตในอนาคต

6. การสาธิตการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าวพื้นเมือง เช่น ขนมปำจี, ไอศกรีมข้าวกล้องงอก และขนมบัวลอยจากข้าวเหนียวดำหมอ ทั้งหมดนี้ช่วยเสริมคุณค่าทางโภชนาการและเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวไทย

ภายในงานจัดแสดงบูธของกรมการข้าว ผู้เข้าเยี่ยมชมท่านหนึ่งได้แสดงความรู้สึก และความประทับใจหลังจากได้สัมผัสกับมรดกข้าวพื้นเมืองภาคใต้ว่า

“รู้สึกแปลกใจมากที่มีข้าวพื้นเมืองจำนวนมากขนาดนี้ เพราะส่วนตัวไม่ได้มีความรู้เรื่องข้าวเลย แต่พอได้เห็นหลากหลายสายพันธุ์ก็รู้สึกอยากลองทำความรู้จัก เพราะไม่รู้ว่ารสชาติของแต่ละสายพันธุ์จะเป็นอย่างไร ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดได้ว่า ข้าวไม่ได้มีแค่พันธุ์เดียว แต่ยังมีหลากหลายสายพันธุ์ที่เราควรรู้จัก”

ข้าวพื้นเมืองกับการพัฒนาคุณภาพชีวิต

การพัฒนาพันธุ์ข้าวพื้นเมืองอย่างข้าวซีบูกันตัง 5 และข้าวหอมกระดังงา 59 ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มผลผลิตและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในภาคใต้ แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการรักษาและสืบสานวัฒนธรรมการเกษตรในท้องถิ่น ข้าวทั้งสองพันธุ์นี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง ทั้งในด้านคุณภาพการบริโภคและการส่งออก การส่งเสริมให้เกษตรกรใช้พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับพื้นที่และสภาพแวดล้อมท้องถิ่น เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมข้าวของประเทศไทย ในอนาคต การวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ข้าวใหม่ๆ ที่มีความทนทานและให้ผลผลิตสูงจะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเกษตรกรในพื้นที่ที่เผชิญกับปัญหาสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป

เรื่องราวทั้งหมดเป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างของการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวพื้นเมืองที่มีคุณค่าและศักยภาพในการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร แต่ประเทศไทยยังมีพันธุ์ข้าวพื้นเมืองอีกมากมายที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการและวัฒนธรรมที่ซ่อนอยู่ หากอยากรู้เรื่องราวของข้าวเพิ่มเติมสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่กรมการข้าวแห่งประเทศไทย