เผยแพร่ |
---|
ในโลกอุตสาหกรรมปัจจุบัน การรักษาเครื่องจักรให้ทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง I.N.B. Interprise เราเข้าใจถึงความสำคัญของการวางแผนซ่อมและบำรุงเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นอย่างดี ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ทั้งยังเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า THK อย่างเป็นทางการที่มีประสบการณ์ในการดูแลลูกค้ามากกว่า 30 ปี วันนี้เลยอยากชวนทุกโรงงานอุตสาหกรรมมาวางแผนการซ่อมและบำรุงรักษาเครื่องจักรอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมเชิงรับ การบำรุงเชิงป้องกัน หรือการบำรุงเชิงรุก เพื่อให้การผลิตดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการดำเนินงาน
ทำไมโรงงานจึงควรบำรุงรักษาเครื่องจักรอยู่เสมอ
เครื่องจักรเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้การทำงานดำเนินในโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ หากเครื่องจักรทำงานผิดปกติหรือสายผลิตหยุดชะงักก็อาจส่งผลให้การผลิตล่าช้า ซึ่งเสียทั้งโอกาสทางธุรกิจและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมฉุกเฉินที่สูงกว่าการบำรุงรักษาประจำ ดังนั้น ทุกโรงงานอุตสาหกรรมที่เครื่องจักรมีบทบาทสำคัญในสายการผลิตของตนเองนั้น หากต้องการให้การผลิตมีความเสถียร ไม่มีปัญหาเครื่องจักรหยุดชะงัก และสามารถทำให้งานดำเนินไปอย่างราบรื่นได้ จึงควรมีแผนการซ่อมและบำรุงเครื่องจักรอยู่เสมอ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยยืดอายุการใช้งานเครื่องจักร เป็นการรักษามาตรฐานความปลอดภัย ป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับพนักงานได้ นอกจากนี้ ในบางอุตสาหกรรม การบำรุงรักษาเครื่องจักรยังเป็นข้อกำหนดทางกฎหมายหรือมาตรฐานที่ต้องปฏิบัติตาม การมีแผนบำรุงรักษาเครื่องจักรจึงเป็นการลดความเสี่ยงทางกฎหมายและความเสียหายทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นด้วย
การซ่อมและบำรุงเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม มีกี่ประเภท
การซ่อมและบำรุงเครื่องจักรในโรงงานนั้นมีหลายประเภท เพื่อเตรียมรับและป้องกันการเสียหายของเครื่องที่อาจเกิดขึ้นในอุตสาหกรรม เราได้ยกประเภทการซ่อมและบำรุงออกเป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้
1. การซ่อมและบำรุงเชิงรับ (Reactive Maintenance)
การซ่อมและบำรุงเชิงรับ เป็นรูปแบบการบำรุงรักษาเครื่องจักรในกรณีที่เครื่องจักรมีการทำงานผิดพลาดหรือเกิดความเสียหายไปแล้ว ซึ่งหลายครั้งเกิดจากการไม่ตรวจสอบหรือบำรุงรักษาเครื่องจักรอย่างสม่ำเสมอ ข้อดีของการบำรุงรักษาประเภทนี้คือไม่เสียค่าใช้จ่ายด้านการบำรุงรักษาล่วงหน้า และไม่ต้องหยุดกระบวนการผลิตเพื่อตรวจสอบเครื่องจักรเป็นระยะๆ แต่ข้อเสียคือเสี่ยงต่อการหยุดชะงักของการผลิตอย่างกะทันหันหากเครื่องจักรชำรุดเสียหาย ทำให้ต้องซ่อมหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนในทันที ซึ่งอาจทำให้อายุการใช้งานของเครื่องจักรสั้นลง รวมถึงสร้างความเสียหายต่อการดำเนินงาน ทั้งในด้านเวลาและค่าใช้จ่ายอีกด้วย
2. การซ่อมและบำรุงเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance)
การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน เป็นการดำเนินการบำรุงรักษาเครื่องจักรตามรอบเวลาที่กำหนด โดยไม่รอให้เครื่องจักรเกิดความเสียหายก่อน เช่น การเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่ที่ใช้งานตามระยะเวลาที่กำหนด การตรวจสอบระบบต่างๆ ว่าดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ หรือมีความเสี่ยงว่าจะเกิดปัญหาส่วนไหนหรือไม่ หรือการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจักรตามระยะเวลา เป็นต้น การบำรุงรักษาเชิงป้องกันจึงช่วยให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสที่เครื่องจักรจะเสียหายกะทันหัน ข้อดีคือช่วยลดปัญหาเครื่องจักรเสียหายกะทันหัน ประสิทธิภาพของเครื่องจักรมักอยู่ในสภาพดี เพราะมีการซ่อมบำรุงและเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่ตลอด แต่ข้อจำกัดคือต้องวางแผนและกำหนดตารางการบำรุงรักษาอย่างชัดเจน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ
3. การซ่อมและบำรุงเชิงรุก (Proactive Maintenance)
การบำรุงรักษาเชิงรุกเป็นการวางแผนดูแลและตรวจสอบเครื่องจักร เพื่อแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นซ้ำ และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านั้นขึ้นอีก เรียกว่าเป็นการผสมผสานแผนการซ่อมบำรุงเชิงรับและการซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน โดยใช้หลักการคาดการณ์ Predictive Maintenance และ Condition Base Maintenance เพื่อให้โรงงานสามารถรับมือกับปัญหาได้ก่อนที่จะเกิดความเสียหายรุนแรง ทำให้มีเวลาในการวางแผนการซ่อมแซมอย่างเหมาะสม ซึ่งข้อดีคือช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้า ลดโอกาสของการซ่อมแซมฉุกเฉินและหยุดชะงัก และยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักรได้มากที่สุด แต่ข้อจำกัดคือต้องใช้ความรู้และทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูล และต้องลงทุนในเทคโนโลยีและอุปกรณ์ตรวจวัดสภาพเครื่องจักรนั่นเอง
ในอุตสาหกรรมการผลิต เครื่องจักรถือเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้กระบวนการทำงานเป็นไปได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ การที่เครื่องจักรทำงานเต็มศักยภาพ ช่วยให้การผลิตเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลดการเสียเวลาจากการซ่อมแซมหรือการหยุดชะงัก การไม่มีแผนบำรุงรักษาที่ชัดเจน อาจส่งผลให้เครื่องจักรเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่คาดคิดและมีค่าใช้จ่ายสูง แนะนำให้ทุกโรงงานอุตสาหกรรม และทุกสายการผลิตควรมีการวางแผนการซ่อมและบำรุงรักษาเครื่องจักรอยู่เสมอ เพราะนอกจากเป็นการป้องกันปัญหาและช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักรแล้ว ยังมีส่วนช่วยลดต้นทุนในระยะยาวด้วยเช่นกัน
I.N.B. Interprise เราเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ THK อย่างเป็นทางการในประเทศไทย มีผลิตภัณฑ์ Linear Motion Guide เป็นส่วนประกอบสำคัญและขาดไม่ได้ในวงการเครื่องจักรกลและอิเล็กทรอนิกส์ในอุตสาหกรรมทั่วประเทศ และทีมงานช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญ พร้อมเป็นผู้ช่วยวางแผนและให้คำปรึกษาในส่วนการซ่อมและบำรุงในสายการผลิตมานานกว่า 30 ปี มั่นใจได้ถึงคุณภาพและบริการ สนใจติดต่อ โทร. 02-613-9166-71 หรือไลน์ @inb-thk