วิธีจัมป์แบตเตอรี่รถยนต์ที่ถูกต้อง สกิลที่คนมีรถยนต์ควรรู้!

รถสตาร์ตไม่ติด ขับๆ อยู่แล้วเครื่องยนต์ดับระหว่างทาง เพราะปัญหาแบตเสื่อมหรือแบตหมดกะทันหัน เป็นหนึ่งในปัญหาสุดฮิตที่คนมีรถยนต์หลายคนเจอการจัมป์แบตเตอรี่” ที่เป็นการใช้สายพ่วงแบตเตอรี่่ (Jumper Cable) ถ่ายเทพลังงานจากแบตเตอรี่ของรถยนต์จากอีกคันหนึ่งมายังรถยนต์ของเรา ให้เครื่องยนต์กลับมาใช้ได้อีกครั้ง เพื่อเดินทางไปยังจุดหมายปลายทาง หรือศูนย์บริการฉุกเฉินใกล้เคียงได้ จึงเป็นสกิลสำคัญที่คนมีรถยนต์ควรมีติดตัวไว้ แต่หลายๆ คนที่เป็นมือใหม่หัดขับรถยนต์ หรือเพิ่งมีรถยนต์เป็นของตนเองได้ไม่นาน อาจยังไม่รู้ว่า การจัมป์แบตเตอรี่่นั้นมีวิธีการทำอย่างไร ต้องพ่วงสายอย่างไร และต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรติดรถยนต์เอาไว้บ้าง หากพ่วงสายผิดจะเกิดผลกระทบอะไรกับรถยนต์หรือเปล่า? บทความนี้มีคำตอบ! ชวนคนมีรถยนต์ไม่ว่าจะมือใหม่ หรือคนที่ขับรถยนต์แล้วอยากเสริมสกิลไว้รับมือกับทุกสถานการณ์ฉุกเฉินบนท้องถนน มาดูวิธีจัมป์แบตเตอรี่รถยนต์ที่ถูกต้องกัน!

1. เตรียมสายพ่วงแบตเตอรี่ติดรถยนต์เอาไว้เสมอ

ถ้าถามว่าหากจะจัมป์แบตเตอรี่ต้องมีอุปกรณ์อะไรติดรถยนต์เอาไว้บ้าง? แน่นอนว่าสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ก็คือ สายพ่วงแบตเตอรี่ (Jumper Cable) หรือที่เรามักจะเรียกสั้นๆ ว่าสายจัมป์แบต ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่เชื่อมต่อกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ที่มีประจุไฟฟ้าเพียงพอไปยังแบตเตอรี่่ที่หมด

โดยเฉพาะ สำหรับหน้าตาของสายจัมป์แบตก็จะประกอบไปด้วยที่คีบ “สายขั้วสีแดง” ที่เป็นประจุขั้วบวกและ “สีดำ” ที่เป็นประจุขั้วลบตามหลักการทำงานของไฟฟ้า เราสามารถเลือกซื้อสายพ่วงแบตเตอรี่มาติดรถยนต์ของเราไว้ได้ตามความสะดวก ไม่ว่าจะช้อปรถยนต์ ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า รวมถึงช่องทางออนไลน์ก็มีให้เลือกอย่างหลากหลาย แต่สิ่งสำคัญคือ ควรเลือกซื้อสายพ่วงแบตเตอรี่ที่ได้มาตรฐาน มีความยาวเพียงพอ ไม่สั้นเกินไปหรือยาวจนเกะกะ เพื่อให้ใช้พ่วงแบตรถยนต์ได้ง่ายยิ่งขึ้นนั่นเอง

2. ดับเครื่องรถยนต์ให้สนิทและปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งสองคัน

การจัมป์แบตเตอรี่จะเริ่มต้นขึ้นได้ก็เมื่อมีอุปกรณ์สายพ่วงพร้อม และมีรถยนต์อีกคันที่มีพลังงานแบตเตอรี่เพียงพอมาให้เราทำการถ่ายเทพลังงาน ซึ่งเมื่อมีพร้อมแล้วก็ให้เราจอดรถทั้งสองคันหันหน้าเข้าหากัน หรือจอดในจุดที่ฝากระโปรงใกล้กัน โดยเว้นระยะห่างเพียงเล็กน้อย จากนั้นให้ดับเครื่องรถยนต์ให้สนิทและปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งสองคันให้เรียบร้อย นอกจากนี้ ห้ามสูบบุหรี่และจุดไฟแช็กในบริเวณนั้นเด็ดขาด เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดประกายไฟระหว่างการจัมป์แบตเตอรี่่ หลังจากนั้นให้เปิดฝากระโปรงรถยนต์ทั้งสองคันขึ้น และเตรียมต่อสายพ่วงแบตเตอรี่่เข้าหากันได้เลย

3. ต่อสายพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ เพื่อทำการจัมป์แบตเตอรี่

Advertisement

มาถึงสเต็ปสำคัญคือ การจัมป์แบตเตอรี่ โดยให้เรานำสายขั้วสีแดง (ขั้วบวก) ต่อเข้ากับขั้วบวกของรถยนต์ของเราที่แบตเตอรี่หมด ส่วนสายขั้วสีดำ (ขั้วลบ) ก็ต่อพ่วงเข้ากับขั้วลบของแบตเตอรี่รถยนต์อีกคันที่มีพลังงานแบตเตอรี่เพียงพอ ส่วนสายพ่วงสีดำอีกด้านหนึ่งที่เหลือ ให้เราทำการหนีบไว้ที่ตัวถังรถหรือบริเวณที่เป็นโลหะเปลือยของรถยนต์ โดยส่วนมากจะต่อกับน็อตของเครื่องยนต์ สิ่งที่ควรระวังไว้คือ ห้ามใช้สายพ่วงสีดำพ่วงกับขั้วลบแบตเตอรี่่ของรถคันที่แบตหมดเด็ดขาด เพราะหากต่อผิดขั้ว อาจทำให้เกิดประกายไฟ จนเกิดอันตรายได้

4. เริ่มทดสอบสตาร์ตเครื่องยนต์

Advertisement

เมื่อต่อสายพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์เสร็จเรียบร้อยแล้ว สเต็ปถัดมาให้เราทำการสตาร์ตเครื่องยนต์ของรถยนต์คันที่มาช่วยจัมป์แบตเตอรี่ และสตาร์ตทิ้งไว้ประมาณ 3-4 นาที และเร่งคันเร่งเบาๆ เพื่อให้เกิดการถ่ายเทประจุไฟฟ้า ก่อนจะค่อยๆ สตาร์ตรถยนต์ของเราที่แบตเตอรี่หมด ทำการเร่งคันเร่งเบาๆ เช่นเดียวกัน แต่ครั้งนี้ให้สตาร์ตเครื่องยนต์ทิ้งไว้ประมาณ 1-2 นาที โดยทดสอบว่า มีประจุไฟฟ้าเข้ามาที่แบตเตอรี่เพียงพอแล้วหรือไม่ ทั้งนี้ ไม่ควรจะสตาร์ตเครื่องยนต์และเร่งคันเร่งพร้อมกันทั้งสองคัน เพราะอาจเกิดอันตรายได้

5. เรียบร้อยแล้ว ให้ถอดสายพ่วงแบตเตอรี่

เมื่อทดสอบว่ามีประจุไฟฟ้าเข้ามาที่แบตเตอรี่เพียงพอแล้ว และสตาร์ตเครื่องยนต์ติดเรียบร้อยแล้ว ก็ให้เราถอดสายพ่วงแบตเตอรี่ออก ซึ่งจะต้องถอดให้ถูกลำดับขั้นดังต่อไปนี้

ถอดสายพ่วงสีดำอีกด้านหนึ่งที่เหลือให้เราทำการหนีบไว้ที่ตัวถังรถหรือบริเวณที่เป็นโลหะเปลือยของรถยนต์ที่แบตเตอรี่หมด

ถอดสายพ่วงสีดำออกจากขั้วลบแบตเตอรี่รถยนต์คันที่มาช่วยจัมป์แบตเตอรี่

ถอดสายสีแดงออกจากขั้วบวกแบตเตอรี่่รถยนต์คันที่มาช่วยจัมป์แบตเตอรี่

ถอดสายสีแดงออกจากขั้วบวกแบตเตอรี่่รถของรถยนต์ที่แบตเตอรี่หมด

เป็นอย่างไรกันบ้างกับวิธีจัมป์แบตเตอรี่รถยนต์ สกิลสำคัญที่คนมีรถยนต์ควรมีติดตัวไว้รับมือกับทุกสถานการณ์ฉุกเฉินบนท้องถนน ทั้งนี้ การจัมป์แบตเตอรี่ก็เป็นวิธีแก้ไขเฉพาะหน้า ชั่วคราวเท่านั้น การวางแผนชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มและตรวจเช็กสภาพรถยนต์ก่อนออกเดินทางไว้เสมอ เป็นสิ่งที่คนมีรถยนต์ควรโฟกัสเป็นหลัก เพื่อความปลอดภัยและการเดินทางที่ราบรื่น แต่หากคนไหนที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบตเตอรี่รถยนต์หมดระหว่างเดินทาง รถสตาร์ตไม่ติดขึ้นมากะทันหัน หรือเกิดอุบัติเหตุสุดวิสัยบนท้องถนน แจ็ครถยกรถลากศูนย์บริการรถยก รถลาก รถสไลด์ 24 ชั่วโมง พร้อมให้บริการรถสไลด์นนทบุรี รถสไลด์สมุทรปราการ รถสไลด์นครปฐม และทุกพื้นที่ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดอื่นทั้งประเทศไทย ติดต่อ โทร. 098-295-6197