เผยแพร่ |
---|
เดิมมีชื่อว่า ชีตา ได้นำมาจากประเทศอินโดนีเซีย เพื่อปลูกในประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2538 มีลักษณะของผลคล้ายพันธุ์เพชรน้ำผึ้ง แต่ส่วนล่างของผลมีขนาดใหญ่กว่า ผิวมันวาวค่อนข้างหนา เนื้อแน่น รสชาติหวาน ไม่มีเมล็ด สามารถมองเห็นเส้นเอ็นที่ผลได้อย่างชัดเจน ไม่บอบช้ำง่าย ออกผลไม่ค่อยดก และให้ผลผลิตในช่วงใดช่วงหนึ่งเท่านั้น แต่ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นกว่าชมพู่พันธุ์อื่นๆ จึงสามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรอย่างมากมาย ชมพู่ทับทิมจันท์เป็นพืชที่ต้องการน้ำในปริมาณมาก จึงควรคำนึงถึงแหล่งน้ำให้เพียงพอด้วย แต่จะไม่ชอบน้ำท่วมขัง หากปลูกในพื้นที่ลุ่มต้องยกร่องให้กว้าง ประมาณ 6-8 เมตร ส่วนความสูงขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ สามารถปลูกได้ในดินทุกชนิดที่มีการปรับปรุงค่าของดินจนมีคุณภาพเหมาะแก่การเจริญเติบโตแล้ว เช่น การใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ ทั้งชนิดแห้งและน้ำ บำรุงเพิ่มเติมลงไปในดิน ให้มีค่า pH ประมาณ 6.5-7.0 และสามารถระบายน้ำได้ดี
แหล่งที่มา : สำนักงานเกษตรอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม โทรศัพท์ 034-321-972