“สวนใกล้รุ่ง” ลพบุรี ปลูกกระท้อน พร้อมแปรรูป

“ลพบุรี” เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางที่เกษตรกรนิยมปลูกกระท้อนกัน ถือเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของทางจังหวัด ทุกๆ ปีทางจังหวัดลพบุรีจะร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานลพบุรี จัดงานเทศกาลกระท้อนหวานและของดีเมืองลพบุรี เป็นประจำทุกปี บริเวณที่ว่าการอำเภอเมืองลพบุรี เรียกว่าเป็นแหล่งรวบรวมกระท้อนรสเลิศของประเทศเลยก็ว่าได้

คุณระเบียบ พึ่งวัน

ใช้กิ่งพันธุ์ ดีกว่าเมล็ด  

ภายในงาน ชาวสวนกระท้อนจะนำกระท้อนหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น พันธุ์ปุยฝ้าย พันธุ์อีล่า พันธุ์นิ่มนวล และพันธุ์ทับทิม มาจำหน่าย พร้อมผลผลิตจากกระท้อนแปรรูป อย่างเช่น กระท้อนลอยแก้ว กระท้อนกวนกระท้อนทรงเครื่อง ซึ่งในงานดังกล่าว มีการประกวดกระท้อนสายพันธุ์ต่างๆ ด้วย ฉะนั้น ใครที่ชื่นชอบกระท้อนพลาดไม่ได้ เพราะสวนกระท้อนในจังหวัดลพบุรีจะมารวมตัวกันที่นี่ และมีบางสวนที่ปลูกแบบอินทรีย์ โดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมีเลย แต่ราคาก็อาจจะแพงกว่ากระท้อนทั่วไป

คุณระเบียบ พึ่งวัน อายุ 59 ปี เกษตรกรบ้านโพธิ์ผีให้ ตำบลโพธิ์เก้าต้น อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี เจ้าของสวน “ใกล้รุ่ง” เป็นอีกคนหนึ่งที่ปลูกระท้อนมาเกือบ 20 ปี มีพื้นที่ปลูก 2 แปลง แปลงแรกอยู่ติดบ้าน มีเนื้อที่ 1 ไร่กว่า ปลูกทั้งพันธุ์อีล่า ปุยฝ้าย ทับทิม และนิ่มนวล ส่วนอีกแปลง พื้นที่ 5-6 ไร่

กระท้อนลอยแก้ว

คุณระเบียบ เล่าว่า เริ่มปลูกกระท้อนเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว เนื่องจากก่อนหน้านั้นเกิดน้ำท่วม ทางเกษตรอำเภอเข้ามาแนะนำให้ปลูก ครั้งแรกไม่ได้คาดหวังอะไร แต่พอมีผลผลิตขึ้นมาและขายได้เงิน ชาวบ้านเลยปลูกกันทั่วไป โดยมีต้นที่อายุมากสุดคือ 25 ปี

สำหรับปีนี้ผลผลิตถือว่าใช้ได้ ซึ่งในการปลูกนั้นเน้นใช้กิ่งพันธุ์ เพราะถ้าใช้เมล็ดอาจจะกลายพันธุ์ และต้องใช้เวลานานกว่าจะออกลูก ถ้าใช้กิ่งพันธุ์ไม่เกิน 5 ปี ก็ออกลูกแล้ว ที่สวนจะใส่ปุ๋ยอินทรีย์ แต่ก็ใช้ปุ๋ยเคมีบ้างผสมกันไป โดยทั้ง 2 สวน ปลูกกระท้อนหลายสายพันธุ์

ใช้กระดาษถุงปูนสีน้ำตาลห่อ

ทั้งนี้ ในการทำสวนกระท้อนเกษตรกรส่วนใหญ่ปลูกเป็นรายได้เสริมเท่านั้น เพราะใน 1 ปี จะให้ผลครั้งเดียว ช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ก็เก็บผลได้แล้ว แต่จะมีระยะเวลาประมาณ 5-6 เดือน ที่ต้องดูแลใกล้ชิด

ถามถึงรายได้ในแต่ละปี คุณระเบียบ บอกว่า ได้เกือบเป็นแสน เนื่องจากไม่ใช่สวนใหญ่ ถ้าเป็นสวนใหญ่ มี 10-20 ไร่ รายได้หลายแสนบาท ในส่วนที่เป็นอาชีพเสริมนี้ถือว่าเป็นรายได้ที่ดี เพราะไม่ต้องใช้เวลากับการดูแลเยอะ ช่วงเวลาที่ใช้มากคือตอนห่อ

กระท้อนรุ่นแรกลูกยังไม่โตนัก

เน้นบำรุงช่วงออกดอก

คุณระเบียบ อธิบายถึงการปลูกกระท้อนว่า ต้องขุดหลุมลึก ประมาณ 50-80 เซนติเมตร ระยะห่างอยู่ในเกณฑ์ 8-10 เมตร หรือ 5-10 เมตร เพราะพอต้นโตจะขยายแตกออกไป

ทั้งนี้ช่วงต้นโตแล้วในระหว่างที่ยังไม่ออกดอก จะต้องรดน้ำไม่ให้ขาด รดสัปดาห์ละครั้ง เป็นช่วงที่ยังไม่จำเป็นต้องให้น้ำมาก ประกอบกับหลังจากเก็บผลผลิตตั้งแต่เดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ยังมีฝนตกอยู่ ทั้งนี้จะไปบำรุงอย่างจริงจังอีกครั้งตอนออกดอกออกช่อ ประมาณเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ตกประมาณ 6 เดือน

พอออกดอกถึงจะใส่ปุ๋ยเป็นหลัก ให้ทั้งปุ๋ยอินทรีย์พวกปุ๋ยขี้วัว และใช้ปุ๋ยเคมีด้วย แต่จะเน้นไปทางปุ๋ยอินทรีย์มากกว่า ในส่วนโคนต้นก็นำหญ้ามาคลุม หรือใช้วิธีปลูกมะระ เพื่อให้มีความชื้น

สำหรับปุ๋ยเคมี ใช้สูตร 16-16-16 ใส่เพื่อให้ต้นแข็งแรงไม่เฉาเท่านั้นเอง จะบำรุงช่วงที่ออกช่อออกดอกแล้วหลังจากนั้นไปเน้นในการให้น้ำมากกว่า ซึ่งถ้าอากาศร้อนๆ เหมือนในปีนี้ 3 วัน ก็ให้น้ำแล้ว

คุณระเบียบ ให้ข้อมูลว่า ปีนี้อากาศเปลี่ยนแปลงมาก ช่วงหน้าหนาวไม่นานก็ร้อนแล้ว ทำให้กระท้อนออกมาก่อนเป็นรุ่นแรกในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งก็ยังไม่ได้ขาย เก็บไว้แจกพรรคพวกเพื่อนฝูง ซึ่งปีนี้เท่าที่ดูผลผลิตอยู่ในระดับกลาง ไม่มากหรือน้อยเกินไปเหมือนในบางปี เท่าที่ดูปีนี้เหมือนจะออกดอกเร็วมากเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้วออกดอกชุดแรก ออกเยอะเพราะหนาว แต่พออากาศร้อนก็ร่วงหมด แต่พอออกดอกช่วงที่ 2 ติดลูกมาก

ปกติกระท้อนของจังหวัดลพบุรีเก็บขายได้ปีละ 2 ช่วง เนื่องจากจะออกดอกติดผลทิ้งระยะ โดยครั้งแรกติดดอกประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน เก็บผลผลิตขายได้ช่วงเดือนเมษายน ครั้งที่ 2 ออกดอกเดือนธันวาคม และจะเก็บขายได้ช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม โดยเฉพาะเดือนกรกฎาคมกระท้อนจะสุกเต็มที่และเป็นช่วงที่กระท้อนออกเยอะ ราคาจึงไม่แพงเหมือนช่วงต้นฤดู

ในส่วนของราคาขายนั้น เธอว่าถ้าเป็นกระท้อนลูกเล็กไม่ได้ขนาด จะขาย 3 กิโลกรัม 100 บาท ถ้าเป็น   อีล่า และปุยฝ้าย ขายกิโลกรัมละ 50 บาท ส่วนนิ่มนวล ขายกิโลกรัมละ 70-80 บาท

เกษตรกรรายนี้ระบุว่า ปัญหาของกระท้อนอย่างหนึ่งคือ พอตอนใกล้สุก จะมีแมลงวันทองมาเจาะ ดังนั้น ต้องใช้กระดาษห่อมาหุ้มไว้เพื่อป้องกัน แต่หากไปห่อตอนลูกยังเล็กอยู่ กระท้อนลูกนั้นจะโตช้ากว่าปกติ การที่จะห่อได้นั้นต้องเป็นลูกที่อยู่ในระยะกลางๆ ค่อนไปทางแก่หน่อย

ในการห่อกระท้อนนั้น ถ้าเป็นต้นสูงต้องใช้บันไดขึ้นไปห่อ ทุกวันนี้ใช้ถุงปูนซีเมนต์สีน้ำตาลห่อ โดยนำมาทำความสะอาดก่อน ซึ่งจะทำให้ลูกกระท้อนสีออกเหลืองน้ำตาลสวย

ปัญหาอีกอย่างคือ ตอนลูกกระท้อนยังเล็ก อาจเจอเพลี้ย ซึ่งจะมากินแค่เปลือก กินรอบนอก บางสวนจะใช้ยาฉีด แต่ที่สวนคุณระเบียบจะไม่ใช้ยาฉีด ปล่อยไว้เฉยๆ เพราะกินแค่เปลือก

 

แปรรูปทำกระท้อนลอยแก้ว

กระท้อนในสวนใกล้รุ่ง มีทั้งต้นใหญ่และต้นเล็กสลับกันไป ทางคุณระเบียบบอกว่า หลังจากเก็บผลผลิตในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม เสร็จก็ไม่ได้ตกแต่งกิ่งหรือทำสาวแต่อย่างใด ปล่อยให้ต้นโตตามธรรมชาติ

ในเรื่องของการจำหน่ายนั้น หากทางจังหวัดจัดงานกระท้อนก็จะไปขายในงาน ขณะเดียวกันก็มีลูกค้าประจำ ซึ่งจะสั่งพันธุ์นิ่มนวลอย่างเดียว โดยสั่งครั้งละ 100 กิโลกรัม เป็นพันธุ์ที่มีรสชาติหวาน กินได้ทั้งเมล็ดและเปลือก ในส่วนเปลือกจะนิ่มไม่แข็ง เป็นพันธุ์ที่ลูกไม่ใหญ่ ระดับกลางๆ กิโลกรัมหนึ่งมีประมาณ 7 ลูก เทียบกับพันธุ์ทับทิมแล้ว ขนาดจะใหญ่กว่าหน่อย และพันธุ์ทับทิมจะมีรสหวานอมเปรี้ยว อย่างไรก็ตาม พันธุ์ที่ตลาดนิยมเป็นปุยฝ้ายกับอีล่า

จากประสบการณ์ในการทาบกิ่งพันธุ์นิ่มนวล คุณระเบียบ บอกว่า ติดยากมาก และหากไปซื้อจะมีราคาแพงกว่าพันธุ์อื่น

ว่าไปแล้วในส่วนของผู้บริโภคที่ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ อาจจะไม่คุ้นชื่อพันธุ์นี้นัก ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะชื่นชอบและคุ้นชื่อพันธุ์ปุยฝ้ายและอีล่ามากกว่า เพราะนอกจากจะลูกใหญ่รสชาติหวานแล้ว เนื้อยังฟูอีกต่างหาก และราคาก็ไม่แพงถ้าเทียบกับพันธุ์นิ่มนวล

นอกจากจะขายกระท้อนสดแล้ว ทางสวนใกล้รุ่ง ยังนำกระท้อนที่ลูกไม่สมบูรณ์ หรือผิวไม่สวยมาทำกระท้อนลอยแก้วด้วย อีกทั้งเคยได้รับรางวัลรองชนะเลิศระดับจังหวัดมาแล้ว ซึ่งทางสวนทำขายมานานเป็น 10 ปีแล้ว และเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าประจำ ขายกระปุกละ 50 บาท

สนใจผลผลิตของสวนใกล้รุ่ง ติดต่อสอบถามที่เบอร์โทร. 089-633-7528 และสามารถเข้าเยี่ยมชมสวนได้

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2562

Update 22/05/2022