เรื่องเกษตร จัดว่าเด็ด โรงเรียนวัดบ้านมุง เนินมะปราง พิษณุโลก

อำเภอเนินมะปราง ขึ้นชื่อในเรื่องพื้นที่การปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้ส่งออกอันดับต้นของประเทศ มีเกษตรกรที่เก่งและมีความสามารถ การส่งเสริมเยาวชนในพื้นที่ให้มีความรู้และรักเกษตรก็ไม่น้อยหน้า ดังเช่นโรงเรียนวัดบ้านมุง ตำบลบ้านมุง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก แห่งนี้ มีนักเรียนเกือบ 300 คน เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 และที่ไม่เหมือนใคร คือ มีสระว่ายน้ำ สอนว่ายน้ำให้กับเด็กนักเรียน เพื่อให้นักเรียนมีทักษะในการช่วยเหลือตนเองหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของโรงเรียนและเป็นความโชคดีที่มีหน่วยงานเห็นความสำคัญ

โรงเรียนมีพื้นที่ทั้งสิ้น 22 ไร่ พื้นที่ทำการเกษตรแบ่งไว้ราว 5 ไร่ พื้นที่ส่วนหนึ่งประมาณ 3 ไร่ ของพื้นที่เกษตรปรับเป็นสวนป่าเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 สำหรับอนุรักษ์ไม้ไทยต่างๆ เช่น ประดู่ มะค่า ตะเคียน เป็นต้น แต่ทั้งนี้วัตถุประสงค์เพื่อให้เด็กมีใจรักป่า ส่งเสริมให้มีการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเป็นปัจจัยหลัก ทั้งยังเปิดให้ประชาชนที่สนใจเข้ามาศึกษาพื้นที่ป่าเฉลิมพระเกียรติฯ แห่งนี้อีกด้วย

โรงเรียนวัดบ้านมุง ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะการดำรงชีวิต จึงกำหนดให้มีวิชาชีวิตขึ้น ได้แก่ ดนตรี ศิลปะ  และยังให้ความสำคัญกับวิชาชีพ เพื่อการดำรงชีพของนักเรียน จึงก่อตั้งกลุ่มยุวเกษตรกร เพื่อให้เป็นวิชาชีพที่สำคัญ สามารถนำไปใช้ได้ เพราะที่ผ่านมาเด็กในพื้นที่ต่างจังหวัด เมื่อถึงจุดอิ่มตัวในการทำงานต่างถิ่น จะกลับมาบ้าน และเกษตรจะเป็นวิชาชีพที่ติดตัวนักเรียนไปตลอด

ในการเรียนการสอนตลอดทั้งสัปดาห์ จะมีวิชาการงานพื้นฐานอาชีพสัปดาห์ละ 2 ชั่วโมง เด็กทุกคนในโรงเรียนจะได้สัมผัสกับแปลงเกษตรในชั่วโมงเรียนการงานพื้นฐานอาชีพ แต่ไม่ลงลึก แตกต่างกับเด็กที่สมัครเข้าร่วมชุมนุมที่เปิดเป็นวิชาเรียนเสริมในตอนท้ายของการเรียนวันศุกร์ มีเด็กนักเรียนสมัครเข้าร่วมชุมนุม ประมาณ 20-30 คน ทุกปีการศึกษา และนักเรียนที่จะได้ลงลึกในภาคเกษตรมากที่สุด คือ กลุ่มยุวเกษตรกรที่เปิดให้นักเรียนสมัครเข้าร่วมกลุ่มยุวเกษตรกรได้ตลอดทุกชั้นปี มีพี่นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาเป็นแกนนำในการดำเนินการกลุ่ม และนำน้องๆ ที่ระดับชั้นต่ำกว่าลงแปลงเกษตร

กลุ่มยุวเกษตรกรก่อตั้งมาประมาณ 10 ปีแล้ว นักเรียนที่นี่ให้ความสำคัญกับการเกษตรเป็นอย่างดี กลุ่มมีการดำเนินงานตามระเบียบของกลุ่มยุวเกษตรกร คือ มีการประชุมกลุ่ม การอบรมและเผยแพร่ความรู้ให้กับนักเรียนภายในโรงเรียน และดำเนินกิจกรรมเกษตรภายในโรงเรียนโดยไม่บกพร่อง ได้แก่ แปลงผัก สวนป่าเฉลิมพระเกียรติฯ การเพาะเห็ด การเลี้ยงปลา การเลี้ยงกบ การเลี้ยงไก่ แปลงพืชสมุนไพร และการปลูกต้นมะปราง เพื่อให้เด็กนักเรียนระลึกว่า ในอดีตพื้นที่อำเภอเนินมะปรางมีไม้ผล คือ มะปราง จำนวนมาก แต่ปัจจุบันเหลือน้อยมาก จึงปลูกไว้ให้นักเรียนได้ศึกษา ทั้งยังปลูกควบคู่กับมะยงชิด ไม้ผลที่มีความคล้ายคลึงและพัฒนาสายพันธุ์มาจากมะปราง

สำหรับโรงเพาะเห็ด โรงเรียนได้ดัดแปลงจากท่อปูนซีเมนต์เก็บน้ำมาใช้เป็นโรงเรือนเห็ด เพราะเก็บความชื้นได้ดี ปัจจุบันเพาะเห็ดนางฟ้า

การเลี้ยงไก่ เลี้ยงยืนในกรงตับ มีไก่จำนวน 90 ตัว ให้ไข่วันละประมาณ 70-90 ใบ

การเลี้ยงปลา เลี้ยงทั้งบ่อขุดขนาดใหญ่ของโรงเรียน ซึ่งปลาที่ปล่อยลงบ่อขุดจะไม่จับขึ้นมาขาย แต่สำหรับปลาที่เลี้ยงในบ่อปูนซีเมนต์ ขนาด 2×6 เมตร เป็นปลาดุก จำนวนทั้งหมด 6 บ่อ

การเลี้ยงกบ เลี้ยงในบ่อซีเมนต์ขนาด 2×6 เมตร จำนวนทั้งหมด 2 บ่อ

แปลงปลูกผัก เน้นการปลูกผักสวนครัว เพื่อนำไปใช้ในโครงการอาหารกลางวัน

ทั้งหมดเป็นกิจกรรมที่โรงเรียนเชื่อว่า จะช่วยพัฒนาทักษะการดำรงชีวิตให้กับนักเรียนได้เป็นอย่างดี ซึ่งอนาคต โรงเรียนอยู่ระหว่างการเตรียมพร้อมสำหรับการปลูกผักกางมุ้ง และ การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ไว้ใช้เองภายในโรงเรียน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างครบวงจร

ผลผลิตที่ได้จากการทำการเกษตรของนักเรียนทุกอย่าง มีวัตถุประสงค์หลักในการนำเข้าโครงการอาหารกลางวัน เมื่อเหลือจากการจำหน่ายให้กับโครงการอาหารกลางวันโดยผ่านสหกรณ์ของโรงเรียนแล้ว จึงจำหน่ายให้กับครู ผู้ปกครอง ชาวบ้านใกล้เคียง และตลาดนัดชุมชน ทั้งนี้ การจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรของโรงเรียนให้กับสหกรณ์ของโรงเรียนเอง จะจำหน่ายในราคาสูงกกว่าปกติ เพราะเห็นว่า รายได้และผลกำไรที่ได้จะวนไปยังกิจกรรมต่างๆ ของกลุ่มยุวเกษตรกรเอง ยกเว้นการจำหน่ายให้กับครู ผู้ปกครอง ชาวบ้านใกล้เคียงและตลาดนัดชุมชน จะจำหน่ายในราคาปกติ

การเลี้ยงไก่

ไก่ภายในโรงเรือนมีจำนวน 90 ตัว ในทุกวันต้องให้อาหารและน้ำเวลาเช้าและเวลาเย็น ในบางวันอาหารอาจให้ได้มากกว่า 2 มื้อ แต่จะดูจากการกินอาหารของไก่ หากไก่กินไม่อิ่มจึงให้เพิ่ม ไม่ควรให้โดยไม่สังเกตไก่ เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองอาหารและเพิ่มต้นทุนการผลิต สำหรับมูลไก่ในทุกสัปดาห์จะต้องเก็บมูลไก่ออกมา เพื่อนำไปผสมกับดิน เพื่อผลิตเป็นปุ๋ยมูลสัตว์ นำไปใส่ให้กับไม้ผลและแปลงผัก สำหรับตนมองว่า การเลี้ยงไก่ทำได้ไม่ยาก จำนวนไก่ที่มีขณะนี้สามารถเก็บไข่ได้มากถึงวันละ 70-90 ใบ ซึ่งมากพอจะนำไปประกอบอาหารให้กับนักเรียนในโครงการอาหารกลางวันได้

การประมง

มีการเลี้ยงปลาและการเลี้ยงกบ การเลี้ยงปลาของโรงเรียน ส่งเสริมให้นักเรียนเรียนรู้เรื่องการกินอาหารของปลา เมื่อปลากินอิ่มก็ไม่ควรให้อาหารอีก เพราะจะทำให้อาหารเหลือ ส่งผลให้น้ำเสียตามมา โดยสอนให้สังเกตจากการขึ้นมากินอาหารของปลา ถ้าปลานิ่ง ปล่อยอาหารลอยไม่ขึ้นมากิน แสดงว่าอิ่ม ก็ไม่ควรให้อาหารอีก ส่วนการเลี้ยงกบ ซึ่งเป็นกบบลูฟร็อก การดูแลไม่ยาก ในช่วงแรกปล่อยกบรวมกันในช่วงแรกประมาณ 50-100 ตัว ต่อบ่อ (บ่อขนาด 2×6 เมตร) เมื่อกบเริ่มโตต้องแยกบ่อให้จำนวนกบต่อบ่อน้อยลง เพื่อให้กบเจริญเติบโตเท่าๆ กัน และจับขายเมื่อได้มีน้ำหนักต่อตัวประมาณ 200 กรัม

ส่วนแปลงผักสวนครัว นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นตัวแทนมาแบ่งปันแนวคิดการดูแลแปลงผักสวนครัวและเห็ด แปลงผักให้ผลผลิตเร็ว นำไปประกอบอาหารได้ งานหนักที่สุดในการดูแลแปลงผัก คือ การเตรียมแปลง เพราะต้องขุดดิน ปรับหน้าดิน เพื่อให้ต้นไม้เจริญเติบโตดีเมื่อลงปลูก ที่สำคัญควรหมั่นดูแลดินให้มีแร่ธาตุที่สมบูรณ์ ก่อนลงปลูกควรเตรียมดินใหม่ทุกครั้ง ระหว่างการเจริญเติบโตต้องหมั่นรดน้ำเป็นประจำทุกวันเช้าและเย็น ไม่มีการเกี่ยงงานกัน นักเรียนทุกคนรู้จักหน้าที่และรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองเป็นอย่างดี

ที่ผ่านมา มีหน่วยงานต่างๆ ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ โดยเฉพาะการนำกล้าไม้ หรือการนำก้อนเห็ดมาให้ ซึ่งเป็นเรื่องดีที่โรงเรียนไม่ต้องลงทุนสูง แต่ทั้งนี้ โรงเรียนขอความกรุณาสำหรับหน่วยงานที่ต้องการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการทำการเกษตรของนักเรียน ในการคัดเลือกกิ่งพันธุ์และจำนวนที่นำมามอบให้ เพราะโรงเรียนมีขีดความสามารถที่จำกัด หากจำนวนมากไปอาจดูแลได้ไม่ทั่วถึง และการคัดเลือกกิ่งพันธุ์ที่ดี เพราะจะทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วด้วย

สำหรับแนวทางการพัฒนาพื้นที่การเกษตรและการส่งเสริมการเกษตรให้กับนักเรียนภายในโรงเรียน หากเห็นว่าเป็นแนวทางที่ดี โรงเรียนวัดบ้านมุง ยินดีให้ข้อมูลและเผยแพร่การดำเนินงาน ติดต่อได้ที่ โรงเรียนวัดบ้านมุง โรงเรียนวัดบ้านมุง ตำบลบ้านมุง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก