อ.ส.ค. ยืนหนึ่งด้านมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคม ผงาดคว้ารางวัล CSR-DIW Continuous Award 2022 ต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน

ปัจจุบัน แนวโน้มการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไม่ได้แข่งขันกันที่ตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องมีการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่ภาคผู้ประกอบการในด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชนด้วยสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการประกอบกิจการอุตสาหกรรมจึงจำเป็นต้องได้รับความไว้วางใจจากภาคประชาชน พึ่งพาอาศัยเกื้อกูลกันและสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุขนับเป็นอีกหัวใจสำคัญที่ผลักดันให้องค์กรประสบความสำเร็จทางธุรกิจและการได้รับการยอมรับจากสาธารณชนอย่างภาคภูมิใจ    .

นายสมพร ศรีเมือง ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กล่าวว่า จากความมุ่งมั่นในการรักษามาตรฐานการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงความยั่งยืนร่วมดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมดูแลชุมชนและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขในฐานะสมาชิกของชุมชน ตลอดจนการปฏิบัติตามมาตรฐานความรับผิดชอบของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่มีต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ อ.ส.ค.ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมภายใต้แบรนด์ไทย-เดนมาร์คคว้ารางวัลและเกียรติบัตร“CSR-DIW Continuous Award 2022” ในโครงการส่งเสริมโรงงานอุตสาหกรรมให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชนเพื่อเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ประจำปี 2565 ที่จัดขึ้นโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมทั้ง 5 โรงงาน โดยสำนักงาน อ.ส.ค.ภาคกลาง (โรงงานนมมวกเหล็ก) จังหวัดสระบุรีได้รับรางวัลดังกล่าวต่อเนื่องเป็นปีที่ 3

นายสมพร  ศรีเมือง

ส่วนอีก 4 โรงงานได้รับต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ได้แก่ สำนักงาน อ.ส.ค.ภาคใต้ (โรงงานนมปราณบุรี) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สำนักงาน อ.ส.ค.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (โรงงานนมขอนแก่น) จังหวัดขอนแก่น   สำนักงาน อ.ส.ค.ภาคเหนือตอนล่าง (โรงงานนมสุโขทัย) จังหวัดสุโขทัยและสำนักงาน อ.ส.ค.ภาคเหนือตอนบน (โรงงานนมเชียงใหม่) จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งการได้รับรางวัลในครั้งนี้ตอกย้ำมาตรฐานดำเนินกิจการด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชนอย่างยั่งยืนของอ.ส.ค.ที่มียังคงรักษามาตรฐานไว้อย่างต่อเนื่อง โดย อ.ส.ค.มีแผนยกระดับโรงงานทั้ง 5 แห่ง ก้าวสู่โรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศหรืออีโคแฟคตอรี่ มุ่งเน้นให้โรงงานมีระบบการบริหารจัดการที่ดี มีการใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างคุ้มค่า ก่อให้เกิดของเสียน้อยที่สุดและมีความเกื้อกูลกับสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

นายสมพร กล่าวว่า ด้วยปัจจุบันแนวโน้มการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไม่ได้แข่งขันกันที่ตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวแต่ยังต้องมีการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่ภาคผู้ประกอบการในด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชนด้วยสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการประกอบกิจการอุตสาหกรรมจึงจำเป็นต้องได้รับความไว้วางใจจากภาคประชาชน พึ่งพาอาศัยเกื้อกูลกันและสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุขด้วย

“ที่ผ่านมา อ.ส.ค.ได้ให้ความสำคัญในการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยให้นโยบายโรงงานนมทั้ง 5 แห่งจัดกิจกรรมเพื่อการอยู่ร่วมกันระหว่างโรงงานและชุมชนได้อย่างยั่งยืน พร้อมสนับสนุนการดำเนินงานตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน เช่น การนำวัตถุดิบหรือวัสดุเหลือใช้จากกระบวนการผลิตนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ของชุมชนเช่น การนำน้ำนมที่สูญเสียจากกระขบวนการผลิตมาทำปุ๋ยนมสด

สำหรับรางวัล CSR-DIW Continuous Award 2022 เป็นโครงการที่สอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียนที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ  ซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรมจัดขึ้นเพื่อรณรงค์และส่งเสริมให้โรงงานอุตสาหกรรมด้านต่างๆลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมความปลอดภัย และมีความรับผิดชอบต่อสังคม ทำให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนและสังคมได้อย่างยั่งยืน

รางวัล CSR-DIW Continuous Award 2022

สำหรับกิจกรรมเด่นๆ ที่แต่สำนักงานดำเนินการจนเป็นที่ยอมรับของสังคมและชุมชน อาทิ สำนักงาน อ.ส.ค.ภาคกลาง (โรงงานนมมวกเหล็ก) กิจกรรมหลักในปี 2563 คือ โครงการสุขภาพดี สร้างด้วยรัก และผูกพัน มุ่งส่งเสริมให้พนักงานได้ออกกำลังกายรวมทั้งรณรงค์ ลด ละ เลิก บุหรี่ แอลกอฮอล์ อีกโครงการได้นำเอานมที่เสียที่เสื่อมสภาพแล้วมาทำเป็นปุ๋ยแล้วนำไปรดแปลงผักที่เราปลูก ผลผลิตที่ได้นำมาบริโภคถ้าเหลือก็ขายให้ชุมชน

ส่วนปี 2564 ได้ปรับปรุงโรงอาหารของภาคกลางให้เป็นสถานที่ที่ให้พนักงานได้ทานอาหารอย่างมีความสุข และโครงการร่วมกับชุมชนให้ชุมชนนำผลิตภัณฑ์มาจำหน่ายในบริเวณหน้าโรงงาน เช่น ผัก สินค้า   โอท็อปสัปดาห์ละ 2 วัน ส่วนปี 2565 ส่วนด้าน Eco อยู่ระหว่างการติดตั้ง Solar Loop พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งถือเป็นโครงการต้นแบบของ อ.ส.ค. ตอนนี้อยู่ระหว่างเจรจากับชุมชนว่าจะต่อยอดหรือว่าขยายไปสู่ชุมชนได้ยังไง เพื่อจะลดพลังงานในส่วนของพลังงานไฟฟ้า รวมทั้งเตรียมทำประชาวิจารณ์กับทางชุมชนอยู่ในรอบโรงงานเพื่อเป็นโครงการต้นแบบขยายสู่ชุมชน ภายในปี 2565 นี้ เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้า ประมาณ 10-15%  เป็นต้น

ส่วนสำนักงาน อ.ส.ค.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (โรงงานนมขอนแก่น) จังหวัดขอนแก่น กิจกรรมเด่น ได้แก่ โครงการสวนผักมีปันสุข โครงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากน้ำนมโคซึ่งทั้ง 2 โครงการ ได้ขยายผลไปในโรงเรียนในชุมชน เพื่อเป็นอาหารกลางวันให้กับนักเรียน ที่น่าภาคภูมิใจไปกว่านั้นคือ อ.ส.ค.ได้เข้าไปส่งเสริมการทำปุ๋ยนมสดให้กับกลุ่มผู้ปลูกผักในชุมชนโดยจำหน่ายผลผลิตในโลตัสสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับชุมชนใกล้โรงงาน

ด้านสำนักงาน อ.ส.ค.ภาคใต้ (โรงงานนมปราณบุรี) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กิจกรรมเด่นคือ นำกล่องนมที่โรงเรียนทิ้งนำมา repost state กลับมาใช้ และมอบอุปกรณ์สำหรับป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ให้กับกับนักเรียนเพื่อลดค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง และอีกโครงการคือ ส่งเสริมการผลิตปุ๋ยนมสดในโรงเรียนในรัศมี 5 กิโลเมตร เพื่อให้โรงเรียนนำไปปลูกพืชผักสำหรับอาหารกลางวันให้นักเรียนต่อไป ส่วนแผนงาน CSR สู่อีโคแฟคตอรี่กำลังเร่งปรับปรุงโรงงาน เพิ่มเติมระบบบำบัดน้ำเสียไม่ให้ส่งผลกระทบต่อชุมชนเพื่อก้าวไปสู่โรงงานสีเขียวต่อไป

สำนักงาน อ.ส.ค.ภาคเหนือตอนล่าง (โรงงานนมสุโขทัย) มีกิจกรรมที่สำคัญคือ ส่งเสริมเชิงเกษตรแก่คนในชุมชนคือการยทำปุ๋ยหมักจากน้ำนมที่เสื่อมคุณภาพโดยเชิญกรมพัฒนาที่ดินมาฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการทำปุ๋ยโดยผสมกับพด.ของกรมพัฒนาที่ดิน เพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรในชุมชน  จังหวัดสุโขทัยมีพื้นที่ปลูกข้าว ปลูกพริก ปลูกมะม่วงเยอะ การแจกหน้ากากอนามัยให้กับคนในชุมชน การพัฒนาบูรณะวัดร่วมกับชุมชนตลอดจนพัฒนาชุมชนรอบข้างโรงงาน การถ่ายทอดการทำบัญชีให้กับชุมชนและการส่งเสริมด้านกีฬา เป็นต้น ด้าน CSR เน้นกิจกรรมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างครบทั้งวงจร  นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้เพื่อให้เกิดความยั่งยืนรวมทั้งพัฒนาต่อยอดไปสู่ Eco Factory ในอนาคต