“ชม ถานอ่อน” ชาวนาเมืองอุบลฯ เฉาะตาลขาย สร้างรายได้เดือนละเกือบแสน

ตาล หรือต้นตาลโตนด เป็นปาล์มต้นเดี่ยวที่มีความสูงชะลูด มีลำต้นใหญ่และเนื้อแข็งแรงมาก มีลำต้นขนาดประมาณ 30-60 เซนติเมตร มีความสูงของต้นได้ถึง 25-40 เมตร ลำต้นเป็นเสี้ยนสีดำและแข็งมาก  

เดิมที ต้นตาลจัดเป็นพืชดั้งเดิมของทวีปแอฟริกา ต่อมาตาลได้ขยายแพร่พันธุ์ไปเรื่อยๆ จนมีอยู่ทั่วไปในเอเชียเขตร้อน รวมทั้งประเทศไทยด้วย โดยพบว่าต้นตาลมีอยู่ทั่วไปในทุกภาคของประเทศไทย ซึ่งแต่ละพื้นที่จะเรียกชื่อแตกต่างกันออกไป เช่น บักตาล ตาลโตนด ตาล ตาลใหญ่ ตาลนา โหนด เป็นต้น

จังหวัดอุบลราชธานี เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีต้นตาลอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะที่อำเภอตระการพืชผล จะพบมากที่สุด ซึ่งในปัจจุบันนี้ ตาลมีประโยชน์มากกว่าที่คิด เพราะว่าชาวบ้านในอำเภอตระการพืชผลได้รับประโยชน์จากต้นตาล ด้วยการนำลูกตาลมาเฉาะขายกันสดๆ ข้างถนน จนสามารถสร้างรายได้เดือนละ 100,000 บาท

คุณชม ถานอ่อน

ในแต่ละปีเมื่อถึงช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มิถุนายน ลูกตาลจะออกสู่ท้องตลาด และในบางปีจะมีลูกตาลขายไปจนถึงเดือนกรกฎาคม หากใครผ่านไปทางจังหวัดอุบลราชธานี จะพบคนขายลูกตาลแทบทุกอำเภอ บ้างก็ใส่ตะกร้าหาบขาย บ้างก็นั่งขายตามตลาด หรือตามสถานีขนส่ง แต่จุดขายลูกตาลเฉาะที่เยอะที่สุด ผู้คนรู้จักกันทั้งจังหวัดและนิยมซื้อไปรับประทานกันมากเพราะสดจากท้องไร่ท้องนา สะอาดและรสชาติอร่อย จะอยู่ที่ริมถนนสายเลี่ยงเมืองอุบลฯ บริเวณหน้าห้างแม็คโคร หรือด้านทิศตะวันตกของห้างบิ๊กซี อุบลราชธานี (ใกล้สถานีขนส่งอุบลราชธานี) ในแต่ละวันจะมีพ่อค้า แม่ค้า นำรถกระบะบรรทุกลูกตาลเต็มคันรถมาจอดแล้วเฉาะขายกันสดๆ ที่ริมถนน ประมาณ 10-15 คันรถ เฉาะขายกันตั้งแต่ช่วงเช้าไปจนถึงบ่ายแก่ๆ ทำให้ผู้พบเห็นต่างจอดรถซื้อกันทั้งวัน และพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้ต่างก็ขายตาลเฉาะจนหมดเกลี้ยงทุกวัน

ต้นตาลตามทุ่งนา ที่ตำบลตาลสุม อำเภอตาลสุม จังหวัดอุบลราชธานี

คุณชม ถานอ่อน อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ที่ 5 บ้านผักกะย่า ตำบลตระการ อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี เป็นอีกผู้หนึ่งที่มาจอดรถเฉาะลูกตาลขายกับลูกชายและภรรยา ริมถนนสายเลี่ยงเมืองอุบลฯ จนสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ คุณชม บอกว่า ตนเองมีอาชีพทำนา หลังจากเสร็จสิ้นฤดูทำนาแล้วก็ไม่มีอะไรทำ ตนกับภรรยาและลูก จึงได้พากันหันมาเฉาะลูกตาลขาย ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และจะขายไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงกลางเดือนมิถุนายน ก็จะเลิกขาย เพราะลูกตาลหมดหาซื้อที่ไหนไม่ได้ เมื่อก่อนจะขายกันเฉพาะที่อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นถิ่นฐานบ้านเกิดเท่านั้น ต่อมามีเพื่อนบ้านมาขายที่นี่ จนมีรายได้ดีมาก จึงได้ตามเพื่อนบ้านมาขาย ปรากฏว่าขายดีมาก จนเฉาะตาลขายไม่ทัน เพราะมีผู้คนขับรถ-นั่งรถสัญจรไปมาเป็นจำนวนมากทั้งวัน และผู้คนเหล่านั้นจะนิยมจอดรถซื้อตาลเฉาะ (เมล็ดตาล) กันมาก อีกทั้งจุดขายนี้อยู่ใกล้ห้าง ใกล้ตลาดนัด ผู้คนพลุกพล่านทั้งวัน จึงทำให้ขายดีเป็นอย่างมาก ที่สำคัญตาลของพวกเราจะสดมาก ไม่มีประเภทค้างคืน

ทำเลดีมาก

คุณชม ได้เล่าถึงวิธีการได้มาซึ่งลูกตาลว่า สำหรับลูกตาลที่นำมาเฉาะขายนี้ จะตระเวนซื้อลูกตาลตามหมู่บ้านต่างๆ ในเขตอำเภอตระการพืชผล อำเภอม่วงสามสิบ อำเภอเหล่าเสือโก้ก อำเภอดอนมดแดง จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งจะซื้อด้วยการเหมาเป็นต้น ในราคาต้นละ 200-300 บาท แต่ช่วงหลังๆ มีคนหันมายึดอาชีพเสริมด้วยการเฉาะลูกตาลขายมากขึ้น จึงมีการแย่งชิงพื้นที่หรือชิงต้นตาลกัน ดังนั้น จึงต้องซื้อล่วงหน้ากันเป็นปีหรือสองปีเลยทีเดียว พอถึงช่วงที่ลูกตาลสามารถออกสู่ตลาดได้ คือประมาณเดือนกุมภาพันธ์ในแต่ละปี ตนเองกับสามีและลูกๆ ก็จะออกตระเวนเก็บลูกตาลตามไร่นาหรือตามบ้านคนที่เราไปทำการซื้อเอาไว้ การเก็บลูกตาลก็ต้องจ้างคนที่มีความชำนาญในการขึ้นต้นตาลมาขึ้นเก็บผลผลิตให้ จากนั้นก็จะนำขึ้นรถบรรทุกส่วนตัวแล้วนำมาเฉาะขายอย่างที่เห็น ซึ่งแต่ละวันจะบรรทุกลูกตาลมาเต็มคันรถกระบะ แล้วมาจอดเฉาะขายที่จุดดังที่ได้กล่าวข้างต้น ตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. ไปจนเวลา 14.00 น. ก็จะขายหมด เวลามาขายจะมากับภรรยาและลูกชายอีก 1 คน โดยตนเองและลูกจะเป็นคนเฉาะ ส่วนภรรยาจะคอยหยิบบรรจุลงถุง ถุงละ 4-5 เมล็ด แล้วขายในราคาถุงละ 20 บาท หากซื้อเยอะก็จะลดหรือแถมให้ลูกค้า บางครั้งบางวันมีลูกค้ามาซื้อพร้อมๆ กันหลายคน แต่ละคนจะสั่งเยอะ ทำให้เราเฉาะขายแทบไม่ทัน แต่ก็ยังโชคดีที่ลูกชายมีความชำนาญในการเฉาะตาลเป็นอย่างมาก ทั้งเฉาะได้รวดเร็ว เมล็ดตาลไม่มีตำหนิและสะอาดด้วย ทำให้ลูกค้าอดทนรอซื้อจากเรา ก็ถือว่าเป็นจุดเด่นในการเฉาะตาลขายของครอบครัวของตนเอง

บรรจุถุงพร้อมขาย

เมื่อถามถึงรายได้จากการเฉาะตาลขาย คุณชมบอกว่า พูดไปจะเหมือนโม้ แต่ขอบอกว่านี่คือเรื่องจริง ตนเองมีรายได้จากการขายตาลเฉาะหรือเมล็ดตาล เดือนละ 70,000 บาท โดยเฉพาะช่วงกลางเดือนมีนาคม มาจนถึงช่วงปลายเดือนเมษายน อากาศจะร้อนมากๆ คนจะนิยมรับประทานตาลเฉาะแก้กระหายน้ำ และในเมล็ดตาลก็จะมีน้ำรสหวานอยู่ข้างในด้วย คนจึงนิยมซื้อไปรับประทานในช่วงเดือนมีนาคม-ปลายเดือนเมษายน ทำให้ช่วงดังกล่าวมีรายได้จากการขายตาลเฉาะเดือนละ 90,000 บาท เป็นอย่างต่ำ นอกจากตนเองแล้ว พ่อค้าคนอื่นๆ ที่มาจอดรถเฉาะตาลขายในบริเวณเดียวกับตนเองก็จะมีรายได้ใกล้เคียงกันทุกคน คือจะมีรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายหรือหักต้นทุนแล้ว วันละ 3,000 บาท เป็นอย่างต่ำ เดือนหนึ่งก็ได้กำไร 90,000 บาท

ภรรยาเป็นคนขาย

“โชคยังดีที่เจ้าของต้นตาลยังไม่ขึ้นราคา ทำให้พวกเราลงทุนไม่สูง แต่มีกำไรงดงาม และในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ลูกตาลออกสู่ตลาดใหม่ๆ ก็ขายดีมาก บางวันขายได้เงิน 4,000-5,000 บาท ก็ตกเดือนละเป็นแสนบาท ก็พอมีเงินเก็บจำนวนไม่น้อย ถึงจะไม่ร่ำรวย แต่ก็ไม่ขัดสน มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมาก หากลูกตาลมีให้ขายทั้งปี คงเป็นเศรษฐีไปแล้ว” คุณชม กล่าวอย่างอารมณ์ดี