สจล. เปิดแผนร่วมมือ ม.คาร์เนกีเมลลอน พัฒนาหลักสูตร-งานวิจัย-สร้างบุคลากรยุคไทย 4.0

ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เปิดเผยถึงโครงการสร้างความร่วมมือระหว่าง สจล. กับมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน สหรัฐอเมริกา ว่าความร่วมมือดังกล่าวมีเป้าหมายสร้างบุคลากรและนักศึกษาในประเทศไทยให้มีคุณภาพมากขึ้น เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการปฏิรูปเศรษฐกิจไทยด้วยนวัตกรรมให้เป็นรูปธรรมและยั่งยืนภายใน 5 ปี ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 โดยในระยะเริ่มต้นความร่วมมือระหว่าง 2 สถาบันจะเกิดขึ้นภายใต้กิจกรรม 4 ด้าน ได้แก่ ด้านที่ 1 การจัดตั้งหน่วยงานร่วมทั้งในสหรัฐอเมริกาและในประเทศไทย โดยสำนักงานทั้งสองแห่งจะช่วยให้ความร่วมมือเป็นไปอย่างใกล้ชิด ทั้งช่วยกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยไทย ภาคเอกชน และบริษัทนานาชาติ รวมถึงทำให้งานวิจัยและนวัตกรรมของไทยก้าวสู่ตลาดโลกได้มากขึ้น

อธิการบดี สจล. กล่าวต่อไปว่า ด้านที่ 2 การเปิดสอนหลักสูตรร่วมโดยใช้รูปแบบการบริหารจัดการและมาตรฐานเดียวกับที่สหรัฐอเมริกา ผู้เรียนจะได้รับปริญญาเหมือนกับเรียนที่สหรัฐอเมริกา แบ่งเป็นระดับปริญญาโท 2 ปี ในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ เรียนในไทย 1 ปี และสหรัฐอเมริกา 1 ปี และระดับปริญญาเอก 5 ปี ในสาขาเดียวกัน โดยเรียนในไทย 2 ปี และที่สหรัฐอเมริกา 3 ปี ด้านที่ 3 การจัดทำโครงการวิจัยร่วมเพื่อตอบปัญหาของประเทศ โดยโครงการวิจัยทุกโครงการจะใช้อาจารย์หรือนักวิจัยหลักจากมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน ร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก มหาวิทยาลัยในประเทศไทย และภาคเอกชน เป็นเครือข่ายนักวิจัยและถ่ายทอดความรู้การสร้างงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีโอกาสต่อยอดทางธุรกิจ เพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย

“ด้านที่ 4 คือการแลกเปลี่ยนอาจารย์และนักวิจัยเพื่อพัฒนาทักษะพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานงานวิจัยไทยให้อยู่ในระดับมาตรฐานโลก พร้อมผลักดันให้ประเทศไทยขยับขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านการวิจัยและนวัตกรรมของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและบริษัทข้ามชาติในการเข้ามาตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาหรือการผลิตขั้นสูงที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ ทั้งนี้ สจล. และมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอนได้ลงนามความร่วมมือระหว่างกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะเปิดการเรียนการสอนในช่วงเดือนสิงหาคม 2561” อธิการบดี สจล. กล่าว

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ข่าวสด