สั่งคุมเข้มคุณภาพ “ทุเรียน GI ป่าละอู” ก่อนถึงมือผู้บริโภค พ.ค.นี้

ประจวบคีรีขันธ์ พ่อเมือง สั่งคุมเข้มคุณภาพ “ทุเรียน GI ป่าละอู” ก่อนถึงมือผู้บริโภค เดือนพฤษภาคมนี้ ลุ้นอีก 2 ชนิด ทุเรียนตะนาว-สับปะรดสยามโกลด์ เร่งดัน มะม่วงแก้วพุสามร้อยยอด

สำนักงานพาณิชย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์จังหวัด ครั้งที่ 2/2567 โดยมีผู้ร่วมประชุมประกอบ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนภาคเอกชน ท้องถิ่น และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟัง

ทั้งนี้ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ดำเนินการส่งเสริมให้มีการขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications : GI) โดยมีกระบวนการส่งเสริม คุ้มครอง ดูแลรักษามาตรฐาน เพื่อเพิ่มมูลค่าการตลาดให้แก่สินค้า ก่อนมีคำสั่งที่ 8749/2566 ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2567

เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานและพาณิชย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นคณะกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแล และส่งเสริมสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของจังหวัด การรับรองคำขอจดทะเบียน หรือคำขออนุญาตใช้ตราสัญลักษณ์ สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของจังหวัด

รวมถึงการพิจารณาแต่งตั้งคณะทำงาน หรือคณะอนุกรรมการ ซึ่งสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI แล้วมี 2 ชนิด ได้แก่ “ทุเรียนป่าละอู” และ “มะพร้าวทับสะแก” และสินค้าที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคำขอขึ้นทะเบียน 2 ชนิดคือ “ทุเรียนตะนาวศรีคีรีขันธ์” และ “สับปะรดสยามโกลด์ประจวบคีรีขันธ์” สินค้าที่อยู่ระหว่างการจัดทำคำขอและกำลังจะยื่นขอจดทะเบียน 1 ชนิด คือ “มะม่วงแก้วพุสามร้อยยอด”

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการฯ ได้รับรองการตรวจสอบคุณภาพฯ ทุเรียนป่าละอู ประจำปี 2567 จำนวนทั้งสิ้น 226 ราย (เกษตรกร 274 ราย) โดย เลขาฯ จะดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน กล่าวว่า “ทุเรียนป่าละอู” เป็นทุเรียนพันธุ์หมอนทองพระราชทาน ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) ทรงพระราชทานให้แก่ตำรวจตระเวนชายแดนนำไปปลูกที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน

ครั้ง สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดโรงเรียนอานันท์ ที่บ้านป่าละอู ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2509 จนกลายเป็นผลไม้ที่นิยมปลูกกันในพื้นที่ เมื่อนำมาปลูกในพื้นที่ป่าละอูที่มีความพิเศษบนพื้นที่สูง สภาพอากาศและความอุดมสมบูรณ์ของดิน

อีกทั้งเป็นการปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ จึงทำให้ได้ผลผลิตทุเรียนมีคุณภาพ มีรสหวาน เนื้อหนา เหนียว เนียนละเอียด สีเหลืองอ่อน เนื้อแห้งมีความมันมากกว่าความหวาน เม็ดลีบเล็ก กลิ่นไม่รุนแรง ได้รับการยอมรับจากผู้โปรดปรานทุเรียนว่ามีความพิเศษเป็นเอกลักษณ์ จนได้รับเครื่องหมายสินค้า GI (Geographical Indication) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2557

แสดงถึงแหล่งเพาะปลูกที่เจาะจงแค่ที่ใดที่หนึ่ง เป็นสินค้าเด่นของชุมชนซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าการเกษตร โดยผู้มีสิทธิใช้เครื่องหมาย GI ได้แก่ เกษตรกรผู้ผลิตในพื้นที่เป็นเจ้าของร่วมกัน ซึ่งได้ร่วมกันรักษาคุณภาพมาตรฐานชื่อเสียงและอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นนี้เอาไว้

“ขณะนี้ทุเรียนป่าละอู ซึ่งติดดอกมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 และจะเข้าสู่ตลาดได้ในช่วงปลายเดือน พฤษภาคม-กรกฎาคม 2567 เป็นช่วงเฝ้าระวังปริมาณการให้น้ำอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวแดดแรง และสภาวะอากาศที่แปรปรวน ส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำดูแลต้นทุเรียนมากขึ้น บางส่วนไม่ติดดอก-ร่วง

ในปีนี้ คาดการณ์ผลผลิตจะออกสู่ตลาดประมาณ 2,700 ไร่ จากทั้งหมด 4,000 กว่าไร่ (รวมพื้นที่ GI) โดยช่วงต้นฤดูปลายเดือนพฤษภาคม 2567 จะออกประมาณ 10% ช่วงกลางฤดู กลางเดือนมิถุนายน 2567 ประมาณ 40% เดือนกรฎาคม 2567 ราว 40% และช่วงปลายฤดูประมาณ 10% ผลผลิตคาดการณ์ว่าจะได้เฉลี่ย 800 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐาน ในภาพรวมอาจได้น้อยกว่าปี 2566” นายพลกฤต กล่าวตอนท้าย

ที่มา ข่าวสดออนไลน์