แม่น้ำสุดขอบฟ้า (ตอนที่ 18)

เมื่อรู้ว่าหมู่บ้านจะมีพิธีกรรมสำคัญ แผนที่วางไว้ว่าจะกลับวันนี้จึงมีอันพับไป เดชะบุญหรือบาปก็ตามที่ทำให้เรามีความชอบที่ไม่ต่างกัน แค่มองตาก็รู้กัน เราจึงอยู่ที่ซิตงต่ออีกคืนเพื่อสอดส่องพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวทิเบต

หลังจบอาหารเช้าฉันกับเงาศิลป์ชวนกันเดินไปวัดที่มีพิธีกรรม เราไม่รู้ว่าวัดอยู่ทิศไหนของหมู่บ้าน แต่ก็เดินเรื่อยๆ ไปตามถนน โดยบอกตัวเองว่าให้สัญชาตญาณนำทางไป กระทั่งมาหยุดอยู่ตรงลานกว้างที่มีทางแยก ขณะชั่งใจหรือพูดสวยๆ ว่า ตรวจสอบสัญชาตญาณก่อนว่าจะไปทางไหนดี พอดีกับที่มีรถแล่นมาจอดตรงลานหลายคัน มีธงผ้าเป็นสัญลักษณ์ว่าเกี่ยวกับศาสนาแน่นอน เราปรี่เข้าไปถามผู้ชายกลุ่มหนึ่งด้วยภาษามือ ว่าวัดไปทางไหน เขาคนหนึ่งส่งภาษามือเข้าใจได้ว่าให้รออยู่ที่นี่

มากับลามะ

ท้ายรถปิกอัพรถคันหนึ่งมีถังขนาดใหญ่วางอยู่ ผู้ชายสองคนช่วยกันจุดไฟไม้สนกับเมล็ดข้าวจนเกิดควันพวยพุ่ง จากนั้นเขาแจกผ้าสีขาวให้คนละผืนรวมเราสองคนด้วย ทำมือให้ยืนเรียงแถวชิดริมทาง ขณะที่รถคันหนึ่งกำลังแล่นมาช้าๆ อาลู่ลูกชายหม่าม้าเจ้าของโรงแรมที่เราพักเป็นคนขับ มีลามะผู้ใหญ่ที่น่าจะเป็นคนสำคัญนั่งอยู่ในรถอาลู่ชะลอรถจอด พวกเราที่ยืนแถวเข้าไปส่งผ้าให้ลามะคล้องคอแล้วตบหัว จากนั้นก็เอาผ้าสีขาวผูกหน้ารถ

ระหว่างทางไปวัด

แล้วรถก็ขับเป็นขบวนตามกันไป ชายหนุ่มคนหนึ่งพยักหน้าให้เราขึ้นรถไปกับเขา นี่เท่ากับเราได้เข้าขบวนพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว รถไปจอดที่พักของลามะผู้ใหญ่สักครู่ก็ขับออกมามุ่งหน้าไปวัด ระหว่างทางที่รถผ่านมีชาวบ้านยืนยกมือไหว้ บางคนจุดธูปด้วย ที่วัดพิธีกรรมต่างๆ กำลังเริ่มขึ้น ด้านนอกส่วนหนึ่งจัดเป็นที่ทำอาหาร ซึ่งดึงดูดฉันให้สาวเท้าเข้าไปดูก่อนอย่างอื่น ไม่ต่างกับครัวงานเดิมๆ บ้านเรา มีเตาฟืนกับกระทะใบใหญ่ มีเนื้อสัตว์กับพืชผักกองอยู่จำนวนมาก และมีผู้หญิงหลายคนกำลังมือระวิงกับการปรุงอาหาร

3. โรงครัว

พิธีกรรมจัดขึ้นในโบสถ์ซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปทิเบตงดงาม ผู้ที่ทำพิธีกรรมส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ผู้หญิงก็เป็นใหญ่อยู่ในครัว ไม่ต่างกับบ้านเราสักเท่าไร ในโบสถ์ห้ามถ่ายรูป ฉันร่วมสังเกตการณ์สักพักก็ออกมาข้างนอก นั่งดูผู้คนสนุกกว่า ฉันประทับใจผู้เฒ่าคนหนึ่งดูเดินตามแกมาตั้งแต่ทางเข้าวัด แกเดินวนหมุนกงล้อมนตราฉันก็ทำตามแก บางทีก็เข้าไปช่วยประคองแกเดิน หลังจากนั้นจึงกลายเป็นหลานรัก แกไปนั่งลงตรงไหนก็จะกวักมือเรียกให้ฉันเข้าไปนั่งใกล้ๆ

ฉันเห็นว่าคนที่นี่เขาจะให้ความสำคัญให้ความเคารพคนชรา เด็กๆ จะเข้ามาช่วยจูงช่วยประคองผู้เฒ่า มานั่งพูดคุยด้วย ไม่ปล่อยให้ผู้เฒ่านั่งเหงาเดียวดาย ดูอบอุ่นมากทีเดียว ฉันคุยกับเงาศิลป์ว่าเราแก่ตัวไปจะมีเด็กๆ มาห้อมล้อมคอยจับจูงแบบนี้มั้ยหนอ ศิลป์หัวเราะในลำคอ ตอบอย่างใจร้ายว่า…ไม่มีหรอก

ระหว่างนั่งรอพิธีกรรมในโบสถ์ เราได้รับแจกขนมหวานปั้นเป็นแท่งสามเหลี่ยมเคลือบเทียนสีแดง รสชาติหวานติดคอ น่าจะทำจากธัญพืชหลายอย่าง กวนกับน้ำตาลหรือน้ำผึ้งจนเข้าเนื้อ กำลังกินขนมหวานติดคอยังไม่ทันหมดก้อน พิธีกรรมในโบสถ์ก็สิ้นสุดลง ผู้คนกรูออกมาจากโบสถ์ ระหว่างนี้ฝ่ายการครัวก็เริ่มตั้งโต๊ะจัดสำรับกับข้าวบริเวณลานโล่งด้านนอกนั่นเอง พระฉันเสร็จชาวบ้านก็กินต่อ รวมทั้งฉันกับศิลป์ด้วย

ลามะเคาะหัวเป็นสิริมงคล

 

หลังจากนั้น มีพิธีกรรมต่อที่ด้านนอก ลามะสองรูปนั่งสวดในปะรำพิธี ชาวบ้านนั่งราบรอบบนพื้น หลังสวดเสร็จผู้คนเรียงแถวเดินไปให้ลามะเคาะหัว ทุกคนหย่อนหยวนลงในภาชนะรองรับ กว่าจะถึงคิวเราซึ่งฉันพยุงแม่เฒ่าไปโดนเคาะหัวด้วยกัน เงินหยวนก็กองพะเนินแล้ว เดินแถวออกมาจนสุดมีคนคอยแจกขนมแบบเดียวกับที่เรากินจากนั้นตักน้ำนมรดมือ บางคนเตรียมเอาน้ำนมตบหัว บางรายเตรียมขวดมาใส่น้ำนมกลับบ้าน คล้ายๆ รดน้ำมนต์บ้านเรานั่นแหละ

อีกมุมหนึ่งของพิธีกรรมมีการก่อไฟเผาใบสนและเมล็ดข้าวกับเมล็ดพืชอื่นๆ มีชาวบ้านออกไปเดินรอบกองไฟ ฉันไม่รู้ความหมาย เพราะไม่มีใครสามารถอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ ได้แต่คาดเดาว่าพิธีกรรมนี้น่าจะเกี่ยวกับการเพาะปลูกของเขา จากการที่มีเมล็ดพืช มีนม เกี่ยวโยงอยู่ในพิธีกรรม แต่ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรมเกี่ยวกับสิ่งใด ฉันกับศิลป์รู้สึกอิ่มเอิบเปรมใจที่ได้มาร่วมในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ของชุมชน โดยเราไม่ได้ตั้งใจมาก่อน ดูทีว่าเราอาจจะมีความผูกพันกับชาวทิเบตมาแต่ชาติปางก่อน

เสร็จพิธีต่างๆ ผู้คนทยอยกลับบ้าน บางส่วนยังนั่งสนทนากันอยู่ เป็นวาระอันดีที่ชาวบ้านได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกันนานทีปีหน ฉันกับศิลป์ลาผู้เฒ่าแล้วเดินออกมาอาศัยรถคันเดิมกลับที่พัก รถมาจอดส่งตรงทางแยกที่เราพบกัน

ผู้เฒ่าชาวทิเบตหมุนกงล้อมนตรา

“เดินไปทางนู้นมั้ย เผื่อเจอแม่น้ำโขง” เงาศิลป์ชวนเดินไปอีกทางแยกที่ถนนยังโรยกรวด เทือกเขาทอดทะมึนน่าเกรงขาม เราเดินอย่างไม่เร่งรีบไปตามถนน ลมพัดเบาๆ ชวนแช่มชื่น ฉันมองเห็นรูปทรงสีแดงขนาดใหญ่แต้มอยู่บนหน้าผา นึกถึงภาพเขียนสีที่ผาแต้มริมฝั่งแม่น้ำโขง ขณะที่กำลังเดินต้านลมและทางลาดชันขึ้น ฉันเพ่งไปที่สีแดงบนหน้าผา หมายใจว่าจะต้องเข้าไปถึงจุดนั้นให้ใกล้ที่สุด

เมื่อมาถึงทางโค้งลมยิ่งพัดแรงจนหน้าชา รู้สึกเหมือนกำลังเดินต้านพายุ ตรงนี้คงเป็นช่องเขาที่ลมพัดผ่านพอดี หรือบางทีอาจมีบางสิ่งกำลังทดสอบเราอยู่ ฉันกับเงาศิลป์พากันเดินต้านสายลมแรงต่อไป ตอนนี้เราเดินเงียบๆ ไม่คุยกัน เพราะใช้พลังงานไปกับการต้านแรงลมเดินขึ้นเนิน สีแดงบนหน้าผาค่อยๆ ใกล้เข้ามา ฉันก้าวขาหนักหน่วงต่อ แม้จะเหนื่อยหอบ

ตายังจ้องจับที่หน้าผาสีแดง…