“สมคิด”ห่วงปัญหาพืชผลเกษตรอ่อนตัว ให้คลังออกแพ็กเกจอุ้มเกษตรกรอีกลอต-ออกสินเชื่อเกษตร

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ว่าได้หารือเศรษฐกิจภาพรวมในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ซึ่งรองนายกฯ เป็นห่วงในกลุ่มของเกษตรกร เพราะราคาพืชผลการเกษตรอ่อนตัวลง จึงให้กระทรวงการคลังออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรทั้งในด้านรายจ่ายและเพิ่มรายได้

“กระทรวงการคลังเตรียมมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรไว้อยู่แล้วซึ่งในสัปดาห์นี้กระทรวงการคลังสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะประชุมร่วมกันเพื่อมีมาตรการออกมา โดยอาศัยกลไกของธนาคารเพื่อเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และจะให้ที่ประชุมครม.พิจารณาเห็นชอบในวันอังคารที่ 27 ก.ย.ต่อไป ทั้งนี้มาตรการจะผสมผสานกัน อาทิ สินเชื่อเกษตร เป็นต้น ซึ่งต้องให้ผ่าน ครม.ก่อน ถึงจะบอกรายละเอียดได้ ส่วนวงเงินงบประมาณให้สำนักงบประมาณไปพิจารณา” นายอภิศักดิ์กล่าว

นายอภิศักดิ์กล่าวว่า สำหรับประมาณการเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ยังไปได้ดี คาดว่าจีดีพีโตประมาณร้อยละ 3 ขึ้นไป อย่างไรก็ตามไตรมาส 4 จะมาจากแรงกระตุ้น 2 ส่วน ได้แก่ 1.การเบิกจ่ายงบประมาณปกติ และ 2.เงินที่เพิ่มเติมให้เกษตรกร รวมถึงการเบิกจ่ายของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้วย ซึ่งจีดีพีไตรมาส 4 คาดว่าจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย ยังไม่ดีนัก จึงต้องเร่งรัดการเบิกจ่าย แต่ถ้าบริหารจัดการได้ดี จะทำให้ไตรมาส 4 พยุงตัวอยู่ได้

“การเบิกจ่ายของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในปีหน้า (ปี 60) จะเร่งรัดให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจนำโครงการที่มีแผนจะทำใน 2-3 ข้างหน้านำมาทำได้เลย เพราะเป็นจังหวะดีที่เงินสำรองภายในประเทศไทยยังมีปริมาณสูงอยู่ ซึ่งหน่วยงานรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่มีแผนโครงการที่จะลงทุนในระยะยาวอยู่แล้ว จึงให้รีบมาทำในปีงบประมาณ 60 ให้หมด ทั้งนี้ได้ให้นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส ผู้อำนวยการ สคร.ไปเร่งรัดและสรุปตัวเลขออกมา” นายอภิศักดิ์กล่าว

นายอภิศักดิ์กล่าวต่อว่า เนื่องจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจทั้งระบบ 56 หน่วยงานรัฐวิสาหกิจมีมูลค่าถึง 10 ล้านล้านบาท ซึ่งเมื่อมีการลงทุนเมื่อไรจะกระตุ้นและเป็นตัวอย่างให้ภาคเอกชนเห็นเพื่อลงทุนตาม ซึ่งขณะนี้เอกชนลงทุนน้อยมาก ถึงแม้จะให้สิทธิพิเศษลงทุนภายในปีนี้จำนวนมากเพื่อกระตุ้นให้ลงทุนก็ตาม

นายอภิศักดิ์กล่าวว่า สำหรับการเบิกจ่ายนั้น ขณะนี้ทุกหน่วยงานวางแผนและลงทุนล่วงหน้าในการจัดซื้อจัดจ้างทันที ซึ่งปกติต้องรอให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณผ่านก่อน แต่มีการออกระเบียบใหม่ ว่า เมื่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณผ่านสภาในวาระที่ 2 และวาระ 3 ให้เตรียมจัดซื้อจัดจ้างทันที และเมื่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประกาศในราชกิจจานุเบกษาก็สามารถทำต่อได้ทันทีและเริ่มเบิกจ่ายได้ในเดือนมกราคม

“งบประมาณโครงการตั้งแต่2ล้านบาท ต้องเบิกให้เสร็จภายในเดือนธันวาคม และถ้าโครงการขนาดใหญ่กว่า จะต้องมีการจัดซื้อจัดจ้างได้ภายในสิ้นปี ซึ่งจะทำให้เบิกจ่ายได้เร็วขึ้น” นายอภิศักดิ์กล่าว

นายอภิศักดิ์กล่าวว่า สำหรับมาตรการการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบได้ส่งให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว รอบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมครม.ต่อไป