พงษ์ลาภผนึกพันธมิตรค้าข้าว ทุ่ม 1,400 ล. แตกไลน์ทำโรงแรมหรูที่หัวหิน

พงษ์ลาภ ผนึกพันธมิตรทุ่มงบฯ 1.4 พันล้านบาท แตกไลน์ผุดโรงแรม “โกลเด้นท์ ซี หัวหิน” 300 ห้อง-พูลวิลล่า 17 หลัง คาดเปิดบริการเต็มรูปแบบปี 2562 หลังส่งมอบ “ทายาท” สานต่อธุรกิจส่งออกข้าว ดันยอดส่งออกปี 2560 ทะลุ 4.88 แสนตันครองแท่นเบอร์ 6 พร้อมตัดใจเฉือนธุรกิจคลังกลางจำนำข้าว

หลังจากบริษัท พงษ์ลาภ จำกัด ผู้ส่งออกข้าวมือเก๋าที่วงการค้าข้าวรู้จักดีในนามของเจ้าตลาดอินโดนีเซีย ได้ส่งไม้ต่อจาก “นายสมพงษ์ กิติเรียงลาภ” สู่มือบุตรชาย ซึ่งถือเป็นทายาทเบอร์ 2 “วันนิวัต กิติเรียงลาภ” เข้ามากุมบังเหียน ด้านการส่งออกข้าวแทน หากย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน ยอดการส่งออกข้าวของ “พงษ์ลาภ” ยังครองตำแหน่งผู้ส่งออกข้าวเบอร์ 6 ของไทย โดยเมื่อปี 2560 สามารถส่งออกข้าวได้ถึง 4.88 แสนตัน ด้าน “นายสมพงษ์” ได้ผันตัวเองไปดูแลธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ บริการคอมมิวนิตี้มอลล์ ธุรกิจสปา และล่าสุดได้พัฒนาต่อยอดไปสู่ธุรกิจโรงแรม

นายสมพงษ์ กิติเรียงลาภ ประธาน บริษัท พงษ์ลาภ จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ทางบริษัทพงษ์ลาภได้ร่วมกับพันธมิตรเครือข่ายธุรกิจค้าข้าวและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายการลงทุนไปสู่การทำธุรกิจโรงแรม ขนาด 300 ห้อง บนพื้นที่ 20.5 ไร่ ซอยหัวหิน 35 อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มูลค่าโครงการประมาณ 1,400 ล้านบาท แบ่งเป็นแหล่งเงินทุนของบริษัทพงษ์ลาภ 70% และพันธมิตรในเครือข่ายธุรกิจค้าข้าวและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ลงทุน 30% ขณะนี้การก่อสร้างแล้วเสร็จไปบางส่วน คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์สามารถเปิดให้บริการได้ครบ 100% ในปี 2562

จุดเริ่มต้นของแผนการทำธุรกิจโรงแรมเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2558 จากนั้นดำเนินการยื่นรายงานผลการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งได้ผ่านการพิจารณาเมื่อเร็วๆ นี้ จึงได้เริ่มการก่อสร้าง ตามแผนแบ่งเป็น 2 โซน คือ โรงแรมโกลเด้น ซี หัวหิน 2018 เป็นตึกขนาด 300 ห้อง และมีห้องประชุมจัดเลี้ยงรองรับอีก 400 ที่ และมีโซนโกลเด้นท์ ซี พูลวิลล่า ซึ่งก่อสร้างเป็นบ้านพักขนาด 3 ชั้นพร้อมสระว่ายน้ำ อีกจำนวน 17 หลัง โดยขณะนี้การก่อสร้างแล้วเสร็จไปบางส่วน เริ่มทยอยเปิดบริการให้เช่าไปแล้ว 9 หลัง ยังเหลืออีก 8 หลัง คาดว่าจะแล้วเสร็จครบทั้งหมดในปีหน้า

“ทางกลุ่มวางเป้าหมายว่าโรงแรมแห่งนี้จะจับกลุ่มลูกค้าตลาดกลาง ระดับ 3 ดาว โดยห้องพักน่าจะให้เช่าระดับราคาคืนละ 2,500 บาท ขณะที่ในส่วนของพูลวิลล่าให้เช่าคืนละ 8,500 บาท และยังมีการแบ่งขาย โดยเปิดให้นักธุรกิจที่สนใจซื้อไปลงทุนเพื่อให้เช่าในราคาหลังละ 20 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มโรงแรมจะบริหารงานโดยพันธมิตร ซึ่งเป็นทีมงานมืออาชีพในธุรกิจโรงแรมด้วย”

นายสมพงษ์กล่าวถึงการปรับแผนให้เช่าธุรกิจคลังกลางสำหรับเก็บข้าวในโครงการรับจำนำข้าวว่า ขณะนี้ได้รับการทยอยชำระค่าเช่าคลังจากองค์การคลังสินค้า (อคส.) จนเกือบหมดแล้ว ยังคงเหลือข้าวค้างอยู่ในคลังประมาณ 1 แสนตันเท่านั้น จึงมองว่าอาจจะขายคลัง อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ซึ่งมีพื้นที่จัดเก็บประมาณ 195,000 ตร.ม. ตั้งอยู่บนพื้นที่ 250 ไร่ โดยตั้งราคาขายที่ 950 ล้านบาท และยังมีที่ดินที่ซื้อสะสมไว้อีกรวม 500-600 ไร่

แต่หากไม่มีผู้สนใจซื้อแนวทางที่ 2 จะทยอยซื้อที่ดินเปล่าในบริเวณรอบพื้นที่สะสมให้ครบ 1,000 ไร่ เพื่อยื่นขอจัดตั้งเป็นนิคมอุตสาหกรรมขนาดเล็กในอนาคต อย่างไรก็ตาม หากตัดขายในส่วนของคลังบ้านหมอไปแล้ว ทางกลุ่มพงษ์ลาภยังคงมีคลังสินค้าอีก 1 จุดที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา พื้นที่ 80-90 ไร่

“ส่วนธุรกิจส่งออกข้าวยังสามารถรักษาฐานการส่งออกไว้ได้ แม้ว่าลูกค้าในกลุ่มตลาดอินโดนีเซียจะปรับเปลี่ยนวิธีการประมูล โดยหน่วยงานจัดซื้อข้าวอินโดนีเซีย (บูลอค) สมัยใหม่จะเปิดประมูลลอตย่อยๆ ทีละ 1-2 แสนตัน และในแต่ละปีจะเปิดหลายๆ ครั้ง จากเดิมที่บูลอคเคยเปิดซื้อลอตใหญ่ ๆ 5 แสนตัน จะไม่มีให้เห็นแล้ว เพราะปัจจัยภายในคล้ายกับไทย คือ ประมูลนำเข้าข้าวไปเก็บสต๊อกไว้จนข้าวเสื่อม ใช้ไม่ได้ต้องมีการบริหารจัดการสต๊อก เพื่อให้สอดรับกับราคาข้าวในตลาดที่เป็นผลจากอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนด้วย”

ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 22 – วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม 2561