“ลุงท้วม” ชาวนครศรีฯ ใช้ช่วงวัยหลังเกษียณ ทำสวนผสม พร้อมเปิดร้านขายพันธุ์ไม้

การวางแผนชีวิตหลังเกษียณ นับเป็นสิ่งสำคัญต่อการดำเนินชีวิตในบั้นปลาย มีหลายคนเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้า แต่หลายคนยังวางเฉย

หากเป็นผู้ที่มีความคิดรอบคอบ รู้จักไตร่ตรองแล้ว คงมองชีวิตที่เหลือว่ายังมีความหมาย ก็อาจหากิจกรรมที่ตัวเองถนัดทำ โดยตั้งใจไม่ให้เป็นภาระต่อคนในครอบครัว และที่สำคัญคือช่วยกระตุ้นเซลล์สมองกับกล้ามเนื้อไม่ให้หยุดการเจริญเติบโตเร็วเกินไป

อย่างไรก็ตาม กิจกรรมภายหลังเกษียณของแต่ละท่านย่อมมีความแตกต่างกันเพราะขึ้นอยู่กับความพร้อม ความเหมาะสม แต่ประเด็นสำคัญควรมีลักษณะง่ายๆ ไม่ต้องใช้กำลังแรงกายมากเกินวัย

แต่สำหรับ คุณสมพงศ์ อากาศโชติ หรือ ลุงท้วม วัย 60 ปี ชาวนครศรีธรรมราช เลือกช่วงเวลาหลังเกษียณที่จะทำสวนผสมผสานพร้อมกับนำพันธุ์ไม้มาเพาะขยาย รวมถึงยังทำดินสำหรับปลูกต้นไม้และปุ๋ยอินทรีย์เพื่อไว้จำหน่ายที่ร้านต้นไม้ตัวเอง

คุณสมพงศ์ อากาศโชติ หรือ ลุงท้วม

ในอดีตลุงท้วมเคยรับราชการสังกัดกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ตำแหน่งเจ้าหน้าที่พัฒนาการ ก่อนจะขอลาออกจากราชการก่อนกำหนดเมื่อปี 2554 แต่ระหว่างรับราชการ ลุงท้วมมีสวนปาล์มน้ำมันที่ปลูกมา 15 ปี จำนวน 50 ไร่ เลี้ยงวัว เลี้ยงไก่ แล้วยังชอบปลูกต้นไม้นานาชนิดเป็นงานอดิเรก

การเดินอยู่บนเส้นทางเกษตรตามวิถี ทำให้ลุงท้วมเริ่มมองเห็นช่องทางสร้างรายได้เพิ่มด้วยแนวคิดการทำสวนผสมผสาน เพราะทรัพยากรที่เกิดขึ้นจากสวนผสมผสาน ไม่ว่าจะเป็นพืช สัตว์ สามารถสร้างมูลค่าได้อีกนานัปการ ด้วยเหตุนี้จึงตัดสินใจปรับพื้นที่จากที่เคยทำนามาเป็นสวนผสมผสาน ไม่ว่าจะปลูกไม้ยืนต้น ไม้ผล พืชผักสวนครัว เลี้ยงสัตว์ เพื่อนำสิ่งเหล่านี้มาสร้างประโยชน์แล้วนำมาขายที่ร้านพันธุ์ไม้ชื่อ ส.อุดมทรัพย์

ดินมูลไส้เดือนใช้ปลูกตะบองเพชรได้ผลดีมาก ทั้งขนาดและสีสันสวยงาม

การเริ่มต้นจากร้านขายต้นไม้ ทำให้ลุงท้วมมองว่าในเมื่อตัวเองมีแหล่งหรือสถานที่จำหน่ายของตัวเองแล้ว สามารถสร้างสินค้าไว้ขายได้เองโดยไม่มีเหตุผลจำเป็นต้องไปเสียเงินลงทุนซื้อพันธุ์ไม้หรือสิ่งอื่นๆ มากมายเข้าร้าน ดังนั้น หลักคิดเช่นนี้จึงเป็นที่มาของดินปลูกต้นไม้จากมูลไส้เดือนผสมใบก้ามปู ในชื่อ “OK” จนขายดีเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายในวงการปลูกพืช ส่งผลให้ลุงท้วมกลับมาทบทวนแล้วจัดกระบวนความคิดใหม่ให้เป็นแบบบูรณาการเพราะต้องการเปลี่ยนสถานะจากผู้ขายให้มาเป็นผู้ผลิตด้วย

พื้นที่ 5 ไร่ ออกแบบวางผังปลูกพืชชนิดต่างๆ ได้อย่างลงตัว

ลุงท้วมเป็นแบบฉบับของคนที่ชอบวางแผนชีวิตแบบมีกรอบ ทุกแนวคิดการทำเกษตรกรรมต้องมีความชัดเจน ตั้งแต่การปลูก การดูแลบริหารจัดการ ไปจนถึงการขายหรือการตลาด ทั้งนี้ เพื่อต้องการให้เกิดความอยู่รอด มั่นคง และยั่งยืน อันเป็นเป้าหมายสำคัญ

ครั้นเมื่อตกผลึกความคิด ลุงท้วมจึงลงมือปฏิบัติการด้วยการปรับพื้นที่จำนวน 15 ไร่ ที่เคยเป็นผืนนาราบลุ่มให้เป็นการยกร่องจำนวน 3 ร่อง และขุดบ่อเพื่อต้องการเก็บกักน้ำ นำดินจากการขุดไปถมปรับพื้นที่ใกล้เคียงให้สูงพ้นระดับน้ำที่เคยท่วมเป็นประจำ แล้วสร้างหลักคิดการทำเกษตรภายใต้ประเด็นว่า ต้นไม้ คน และสัตว์ต้องอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลและมีความสุข ทั้งนี้ ไม้แต่ละชนิดที่ลุงท้วมนำมาปลูกไม่ว่าจะเป็นไม้ยืนต้น ไม้ผล พืชผักสวนครัว หรือสมุนไพร ล้วนแต่ต้องพิจารณาเลือกแล้วว่ามีประโยชน์สามารถสร้างมูลค่าได้ทั้งทางตรงและทางอ้อมในเวลาสั้นและยาว

ไก่ดำอินโด

“ไม้ยืนต้นที่เพิ่งปลูก ได้แก่ จามจุรีหรือก้ามปู มีจำนวน 200 กว่าต้น โดยตั้งใจจะนำใบก้ามปูมาเป็นส่วนผสมของดินปลูกพืช เนื่องจากมีคุณสมบัติธาตุอาหารสำคัญเพราะที่ผ่านมาต้องสั่งซื้อแล้วมองว่าในอนาคตไม้ชนิดนี้จะหายาก ขณะเดียวกัน ใบก้ามปูบางส่วนที่ร่วงลงพื้นเมื่อทับถมยาวนานจะช่วยเสริมสร้างคุณภาพดินไปในตัว”

นอกจากนั้น ยังมีต้นพะยูง ปลูกไว้จำนวน 120 ต้น ใบใช้ประโยชน์เพื่อผสมดินปลูก ส่วนลำต้นในอนาคตนำมาแปรรูปหรือใช้ในการก่อสร้างได้ ปลูกต้นมะฮอกกานี ไว้ 120 ต้น เพราะชื่นชอบเนื้อไม้มีความสวยงามเหมาะกับการนำไปแปรรูปได้ในอนาคต หรือแม้แต่ประดู่แดง ปลูกไว้ 80 ต้น โดยระยะห่างของไม้แต่ละชนิดกำหนดไว้เพียง 1.50 เมตรเท่านั้น เพราะต้องการบังคับให้ต้นไม้สูงใหญ่ในแนวตั้งหรือต้องการเร่งให้มีลำต้นใหญ่

สะเดาถือเป็นพืชสมุนไพรสำคัญ ประโยชน์ของสะเดาไม่เพียงนำมาใช้ประกอบอาหารเพราะมีคุณค่าทางโภชนาการมากมายแล้ว สะเดายังมีคุณสมบัติเฉพาะในการช่วยไล่แมลงอีกด้วย

หญ้าเนเปียร์ อาหารของวัว มีโปรตีนสูง

ลุงท้วมปลูกไว้หลายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นสะเดาพื้นเมืองอย่างสะเดาช้าง แล้วยังมีสะเดามัน สะเดาดำ ปลูกรวมกันไว้จำนวน 50 ต้น โดยปลูกร่วมกันกับไม้หลายชนิดเพราะเห็นว่าคุณสมบัติของสะเดาจะมีส่วนช่วยไล่แมลงศัตรูพืชทำให้ไม่ต้องใช้สารเคมีเลย

สำหรับกลุ่มผลไม้ ลุงท้วมตั้งใจปลูกเพื่อขยายพันธุ์ไว้จำหน่าย รวมถึงสามารถนำผลผลิตไปจำหน่ายได้อีก ไม้ผลที่ปลูกเน้นเชิงพาณิชย์และตลาดต้องการ ได้แก่ ฝรั่งแป้นสีทอง กิมจู ฝรั่งแดง รวมประมาณ 100 ต้น ปลูกได้ประมาณ 8 เดือน ตอนนี้ให้ผลผลิตบ้างแล้ว มีคุณภาพดีมากน่าจะเกิดจากคุณภาพดินเดิม ปลูกมะพร้าวน้ำหอม มะพร้าวแกง ไว้จำนวน 20 กว่าต้น มะละกอ มะม่วง ส้มโอทับทิมสยาม จำนวนอย่างละ 10 ต้น ปลูกทุเรียนหมอนทองและนกกระจิบไว้อย่างละประมาณ 10 ต้น ทั้งนี้ ไม้ผลจะต้องวางแนวปลูกบริเวณด้านนอกเพื่อต้องการให้รับแสง อากาศได้อย่างเต็มที่

ส่วนพืชสวนครัวที่ปลูก ได้แก่ มะนาว มะกรูด และพริก แล้วยังปลูกตะไคร้หอมไว้บริเวณริมบ่อ เพื่อป้องกันดินพังทลาย ขณะเดียวกัน ยังใช้ประโยชน์จากตะไคร้ในด้านการทำสมุนไพร แล้วบางส่วนตัดไปขายที่ตลาดเพิ่มรายได้อีกเล็กน้อย

สวนผสมของลุงท้วมมีกิจกรรมการเลี้ยงสัตว์ แม้สัตว์หลายชนิดไม่เน้นขายเชิงพาณิชย์ แต่ยังสามารถนำมูลมาใช้ประโยชน์กับพืชที่ปลูกได้โดยไม่ต้องลงทุนซื้อ นอกจากนั้น ยังนำไปผลิตปุ๋ยอินทรีย์ได้อีก

ลองปลูกในกระป๋องสีก็ได้ผลดี เพราะใช้ดินคุณภาพ

สัตว์ที่ลุงท้วมเลี้ยงเป็นหลัก ได้แก่ ไก่ โดยสร้างกรงเลี้ยงไก่ไว้ภายในสวนป่า เพราะต้องการให้ไก่อยู่ในสภาพแบบธรรมชาติป้องกันไม่ให้เครียด แต่สิ่งที่ต้องระวังคือใบไม้กับกิ่งไม้มักจะร่วงหล่นบนหลังคากรงไก่สร้างความเสียหาย ฉะนั้น การแก้ปัญหาของลุงท้วมจึงได้ออกแบบกรงไก่แบบทำให้หลังคาลาดเอียงทรงจั่วไปถึงพื้นดิน ทั้งนี้ จะช่วยทำให้เศษใบไม้ กิ่งไม้ปลิวลงมาที่พื้นดินโดยที่ไม่ทำให้หลังคาเสียหาย แล้วยังไม่ต้องเสียเวลาไปกวาดออกเพราะอยู่บนพื้นแล้ว

นอกจากนั้น ยังเลี้ยงห่านสีเทา กับห่านขาว รวมกันประมาณ 17 ตัว เหตุผลที่เลี้ยงห่านเพราะต้องการให้ช่วยแจ้งเตือนเวลามีสัตว์ร้ายเข้ามาทำร้ายสัตว์ ซึ่งห่านจะส่งเสียงร้องอย่างดังก่อน ทำให้ได้รับรู้กันในวงกว้าง สำหรับในร่องน้ำที่ขุดไว้ลุงท้วมตั้งใจว่าจะเลี้ยงปลากับเป็ดในอนาคต

ดินปลูกผสมใบก้ามปูกับมูลไส้เดือนตรา OK ขายดีมาก

สัตว์เลี้ยงอีกชนิดที่ลุงท้วมโปรดปรานมากคือวัว ลุงท้วม เล่าว่า เลี้ยงวัวมาตั้งหลายสิบปี ในช่วงทำงานถ้าเงินเดือนออกมักนำไปซื้อพันธุ์มาทันที จนทุกวันนี้ยังเลี้ยงอยู่ สำหรับวัวที่ลุงท้วมเลี้ยงเป็นพันธุ์พื้นเมืองผสมกับบราห์มัน โดยจะนำมูลวัวไปใช้เป็นอาหารไส้เดือนหรือทำปุ๋ยคอก

ลุงท้วมผลิตดินปลูกคุณภาพตรา OK ที่มีส่วนผสมระหว่างมูลไส้เดือนพันธุ์แอฟริกันกับใบก้ามปู แล้วยังขายพันธุ์ไส้เดือนในราคากิโลกรัมละ 600 บาท เลี้ยงไส้เดือนไว้ทั้งหมดกว่า 70 กะละมัง เลี้ยงมานานหลายปี

งานเกษตรกรรมทั้งหมดลุงท้วมจะลงมือทำด้วยตัวเอง วางแผนในกระดาษ หาข้อมูล ศึกษาเปรียบเทียบข้อดี/ข้อเสีย มองผลประโยชน์เชิงบูรณาการ ฉะนั้น แนวทางและขั้นตอนการทำเกษตรของลุงท้วมจึงต้องปรับให้เหมาะสมและสอดคล้องด้วยการยึดแนวทางแบบง่ายๆ ที่สามารถทำได้เองโดยลำพัง อาจมีการใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมบ้างเพื่อแบ่งเบาภาระ

ฝรั่งแดง เป็นที่ต้องการของตลาด

ถึงแม้ความสำเร็จของลุงท้วมอาจมาจากรายได้จากร้านขายพันธุ์ไม้ แต่เจตนารมณ์ที่แท้จริงแล้วกลับพบว่ากิจกรรมทางการเกษตรที่ต้องลงมือทำเองในทุกวัน ช่วยทำให้ลุงท้วมได้มีโอกาสออกกำลังกาย ออกแรง คิดวางแผนเรื่องต่างๆ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้นับเป็นปัจจัยสำคัญต่อการสร้างคุณภาพชีวิตที่ยืนยาว

“เมื่อคนมีอายุมากขึ้นมักจะเริ่มสนใจทำเกษตร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม เพราะการเกษตรช่วยทำให้คนที่คลุกคลีอยู่มีความสุขได้พักผ่อน ได้ออกกำลังกายเบาๆ ช่วยให้มีสุขภาพแข็งแรงไม่เครียด สร้างความเพลิดเพลิน ทำให้อายุยืนโดยไม่ต้องพึ่งพายารักษาโรค

แต่หลายคนบ่นว่าไม่มีพื้นที่ ก็อยากบอกว่าอย่าไปกังวลเรื่องขนาดพื้นที่ เพราะถ้าต้องการทำเกษตรแล้วขนาดพื้นที่หรืออุปกรณ์ก็ไม่ใช่ปัญหาเนื่องจากสามารถปรับประยุกต์ได้ อย่างมะนาวก็ไม่จำเป็นต้องปลูกลงดินหรือในวงบ่อซีเมนต์ เพราะคุณสามารถใช้กระป๋องสีทาบ้านขนาดเล็กได้ เพียงแต่ขอให้เลือกใช้ดินที่มีคุณภาพเชื่อถือได้ก็สามารถให้ผลผลิตได้เช่นกัน” ลุงท้วม แนะนำ

หากสนใจต้องการสั่งปุ๋ยมูลไส้เดือนผสมใบก้ามปู สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ลุงท้วม โทรศัพท์ (087) 894-1881 Fb : สมพงศ์ อากาศโชติ


พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน, มติชนสุดสัปดาห์ และศิลปวัฒนธรรม ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 31 พ.ค. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่