จุดเปลี่ยนชีวิต ผันชีวิตก้าวสู่ “Young Smart Farmer”

เมื่อเทคโนโลยีก้าวเร็วจำเป็นต้องหมุนตามและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงให้ทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชีพเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้เร่งพัฒนาศักยภาพเกษตรกรรุ่นใหม่ให้เป็น Young Smart Farmer (YSF) เพื่อทดแทนเกษตรกรผู้สูงอายุและสร้างแรงจูงใจให้คนรุ่นใหม่หันมาทำเกษตรมากยิ่งขึ้น เพื่อเสริมสร้างภาคเกษตรไทยในอนาคตให้เข้มแข็ง ยั่งยืนรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

“กิตติชัย วรวงศ์สุวรรณ” Young Smart Farmer ปราจีนบุรี วัย 39 ปี อดีตหนุ่มบีโอไอที่พกพาปริญญาตรี 2 ใบ และปริญญาโท 1 ใบ ตัดสินใจละทิ้งเงินเดือนหลายหมื่น เป็นเด็กหนุ่มไฟแรงอีกคนหนึ่งที่ละทิ้งชีวิตคนเมืองกลับสู่ “วิถีเกษตรอินทรีย์” ทุกอย่างที่ปลูกใน “Torry Organic Farm” รับรองได้ว่าเป็นผลผลิตอินทรีย์ที่บริโภคแล้วปลอดภัยแน่นอน

“กิตติชัย” มีความฝันในวันเด็กอยากเป็นนักธุรกิจ เริ่มทำงานที่สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดลและศูนย์ประสานการบริการด้านการลงทุน หน่วยงานของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เมื่อสั่งสมประสบการณ์หลายด้านจนอิ่มตัวทำให้ตัดสินใจหันเหกลับสู่วิถีชีวิตชาวสวนดังเดิมของครอบครัว แต่การทำสวนในแบบเดิมของครอบครัวที่ใช้เคมี ไม่ใช่แนวทางที่ต้องการ จึงรวบรวมทุนก้อนหนึ่งเพื่อบุกเบิกที่ดินในพื้นที่ที่ธรรมชาติยังบริสุทธิ์ ในระยะแรกวางแผนผลิตพืชหลากหลายโดยค้นคว้าด้วยตนเอง ทั้งวิธีปลูก การใช้สารชีวภัณฑ์ การจัดการระบบฟาร์ม เพื่อให้มีรายได้หมุนเวียนอยู่ได้ ด้วยการเลือกปลูกเมล่อนในโรงเรือน เพราะจะได้ปลูกได้ทั้งปี จุดพลิกผันต่อมา คือการปลูกเมล่อนไม่ได้ผลที่ควรเพราะบางฤดูกาลนั้นผลิตยาก จากกระบวนการเกษตรที่ไม่ใช้เคมีหรือปลอดสาร หลังจากหาทางออกเรื่องผลผลิต จึงได้พบกับกลุ่มเกษตรอินทรีย์ในท้องถิ่นที่มีมาตรฐานและความเข้มแข็ง และร่วมปรับเปลี่ยนเป็นเกษตรอินทรีย์เต็มรูปแบบ

หลังจากเรียนรู้ ศึกษาจนรู้จริง “กิตติชัย” ได้ร่วมกับเครือข่ายเกษตรกรด้วยกันในการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ ทั้งในท้องถิ่นและระดับจังหวัด รวมถึงงานพัฒนาชุมชน อนุรักษ์ป่าไม้ หรือต้นน้ำ หรือร่วมอบรมกับหน่วยงานหลายหน่วย ได้แก่ สำนักงานพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยหลายแห่ง หน่วยงานภายนอก เช่น เครือข่ายเกษตรอินทรีย์เรื่องมาตรฐานสากล

ปัจจุบันกิจการในต่อฟาร์มฯ เป็นเกษตรอินทรีย์แบบผสมผสาน นอกจากเมล่อน ยังมีมะเขือเทศเชอร์รี่ มะนาว เลม่อน มะเดื่อฝรั่ง หม่อน กล้วย มะม่วงหาวมะนาวโห่ ผักกูด และผักสวนครัว ที่มีผลผลิต และยังมีมะพร้าวน้ำหอม แก้วมังกร ทุเรียน ที่ยังไม่ได้ผลผลิต นอกจากนั้น ยังมีกิจกรรมผลิตไม้ดอกไม้ประดับแบบอินทรีย์หลากหลายเพื่อจำหน่าย มีการแปรรูปสินค้าตามฤดูกาล ได้แก่ เมล่อนนมสด วุ้นมะเดื่อฝรั่ง วุ้นหม่อน แต่ยังอยู่ในช่วงพัฒนาผลิตภัณฑ์ และต่อยอดผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ผลิตผลผลิตได้มาก เช่น น้ำหม่อน น้ำมะม่วงหาวมะนาวโห่ ชาใบหม่อน ชาใบมะเดื่อ ชาสมุนไพร เช่น ตะไคร้ มินต์ โรสแมรี่ นอกจากนั้น ยังมีแผนจะพัฒนาเป็นฟาร์มสเตย์ จากการร่วมโครงการเครือข่ายท่องเที่ยวชุมชน และที่สำคัญยังมีกิจกรรมรับอาสาสมัครเพื่อเรียนรู้เกษตรอินทรีย์แบบกินอยู่ในฟาร์ม หรือ WWOOF ซึ่งมีเครือข่ายทั่วโลก และเครือข่ายอื่น เช่น Workaway

“หัวใจสำคัญที่ทำให้ผมเข้าโครงการ YSF ในปี 2560 คือได้มีโอกาสอบรมเสริมสร้าง หรือทบทวนองค์ความรู้ ทั้งด้านเกษตรและธุรกิจ หลายครั้ง การมีส่วนร่วมปัจจุบันผมเป็นรองประธาน YSF ปราจีนบุรี ทำให้ต่อฟาร์มฯ ได้รับเลือกให้จัดตั้งเป็นศูนย์บ่มเพาะเกษตรกรรุ่นใหม่จังหวัดปราจีนบุรี และเมื่อ 22-28 ส.ค. ที่ผ่านมานี้ ยังได้สมัครและได้รับเลือกให้ดูงานเกษตรอินทรีย์ ณ สาธารณรัฐอิตาลี ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ในเวที YSF โดยใช้ประสบการณ์ในการขับเคลื่อนเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ปราจีนบุรี ความรู้ด้านมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ไทยและสากล เพื่อแบ่งปัน ผลักดัน พาเกษตรกรร่วมกันขยายพื้นที่เกษตรอินทรีย์ เพิ่มความมั่นคงทางอาหาร และความหลากหลายทางชีวภาพ ส่วนด้านการตลาด ได้มีการสร้างกลุ่ม และหน้าเพจเฟซบุ๊ก เพื่อเป็นช่องทางสื่อสาร ขยายจำนวนสมาชิก หรือฐานลูกค้า ทั้งในท้องถิ่น หรือประเทศ และมีแนวคิดจัดตั้ง YSF Farm Shop ปราจีนบุรี โดยใช้ระบบของสาขาใหญ่ที่ตลาด อ.ต.ก. เพื่อรองรับสินค้าของสมาชิก และสร้างชื่อเสียง ขยายตลาดในท้องถิ่นต่อไป” หนุ่ม Young Smart Farmer จากปราจีนบุรีกล่าว

“กิตติชัย” เชื่อมั่นว่าการเป็นเกษตรรุ่นใหม่ในยุคสมัยใหม่นั้นเป็นไม่ยาก หากพกความมุ่งมั่นและตั้งใจมา ในการกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงพัฒนาตนเองและชุมชนให้ดีขึ้น เช่นเดียวกับวิถีการทำเกษตรของต่อฟาร์มฯ จึงเป็นการใช้หลักการบริหารจัดการ การวางแผนธุรกิจ แนวคิดคำนึงถึงระบบนิเวศ ทั้งเกษตรอินทรีย์ และแนวคิดในต่างประเทศ เช่น Biodynamic, Permaculture, 0 Kilometer มาผสมรวมกัน ด้วยเชื่อว่า ความต้องการของมนุษย์ไม่เคยจะพอเพียง การทำอย่างไรให้ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าสูงสุด ทำลายน้อยที่สุด ทดแทนสิ่งที่เสียไปอย่างยั่งยืนที่สุดต่างหาก และที่สำคัญ ต้องหลุดจากกับดักทางความคิด ด้วยการคำนึงถึงตนเองที่จะก้าวเดินอย่างแข็งแรงด้วยตนเองให้ได้ก่อน เพื่อที่จะเป็นตัวอย่างหรือคิดจะพาคนอื่นก้าวเดินได้ในทางที่ถูกต้องได้ต่อไป