เมนูเด็ด ‘สะเดาน้ำปลาหวาน’ สร้างรายได้งามให้ชาวสุรินทร์ ขายได้วันละหลายพันบาท

เมื่อวันที่ 5 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตามท้องนาหลังการเก็บเกี่ยวข้าวนาปี ช่วงนี้ดอกสะเดาเริ่มแตกยอดอ่อนสวยงามเต็มท้องทุ่ง ชาวบ้านต่างพากันออกไปปีนเก็บดอกสะเดา นำไปขาย กำละ 5-10 บาท หารายได้เลี้ยงครอบครัว มีรายรับวันละหลายร้อยบาทเลยทีเดียว นอกจากนี้ ชาวบ้านส่วนใหญ่มักจะนำเอา ดอกสะเดามาลวกน้ำร้อนๆ พอหายขม แล้วจิ้มกินกับน้ำพริกน้ำปลาหวาน รับประทานกับ ข้าวสวยหอมมะลิใหม่ๆจากหม้อหุงข้าวร้อนๆ เมนูอาหารเด็ดที่ ชวนน้ำลายสอคลอปาก สำหรับคนรักสุขภาพ

โดยเฉพาะ คนสูงวัย คนเฒ่า คนแก่ และวัยกลางคน มักจะชื่นชอบเป็นพิเศษ เพราะว่า สะเดา มีสรรพคุณบำรุงธาตุไฟ สร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย และแก้ไข้ อีกทั้งรสขมของสะเดายังช่วยเรียกน้ำย่อย และช่วยขับน้ำดีตกลงสู่ลำไส้มากขึ้น ทำให้ร่างกายเกิดความอยากอาหาร ช่วยย่อยอาหาร ช่วยให้ขับถ่ายคล่อง และช่วยให้นอนหลับสบายอีกด้วย

‘สะเดา’ ผักสมุนไพรที่แม้จะมีรสขมขนาดไหน แต่ก็ยังเป็นของโปรดของหลายๆ คน โดยเฉพาะเมนูสะเดาน้ำพริกน้ำปลาหวาน กินกับปลาดุกย่าง หรือกุ้งเผา หรือน้ำพริกปลาร้า ที่เมื่อกินพร้อมกันแล้วจะลดความขมของสะเดาลง เหลือแต่ความอร่อย หรือบางบ้านอาจนำสะเดาไปลวกเพื่อลดความขม จิ้มกินกับน้ำพริกอีกด้วย  ขายดิบขายดี โดยเฉพาะที่บริเวณภายในตลาดน้อยรื่นรมย์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์

นายประสบ ศรีลออ อายุ 54 ปี ชาวบ้านสวาย ม.11 ต.เทนมีย์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ กล่าวว่า เวลาไปหาเก็บ ดอกสะเดา ต้องสังเกตดูที่ต้นและดอกที่แข็งๆ สีเขียวอ่อนๆ จะขมนิดหน่อย ตนขายสะเดาลวกแล้ว กำละ 5 บาท กว่าจะได้ก็ยากพอสมควรต้องเอาไม้ปีนไปสอยจากข้างบนต้น โดนมดแดงจนพรุน ตนไปหาเก็บสะเดาแถวๆบ้านที่ ตำบลเทนมีย์ วันหนึ่งขายสะเดามีรายได้ 200-300 บาท นับว่าเป็นรายได้เสริมหลังฤดูการทำนา

นางหนิง คาประโคน อายุ 50 ปี แม่ค้าขายสะเดา น้ำพริกปลาร้าพื้นเมือง ในตลาดน้อยรื่นรมย์ บอกว่า แล้วแต่คนชอบ บางคนกินน้ำปลาหวานไม่เป็น ก็หันมาซื้อน้ำพริกปลาทูใส่ปลาจ่อม และน้ำพริกอีกหลายๆอย่าง  ถ้าเป็นสะเดาจะมีขายไม่ตลอด แต่ถ้าเป็นสะเดาหวานจะมีขายตลอด สะเดาธรรมชาติแบบนี้จะมีขายเฉพาะ ช่วงหลังเกี่ยวข้าวเสร็จแบบนี้ บางวันถ้ามีสะเดาเยอะก็จะมีรายได้ 700-800 บาทหรือเป็น 1,000 บาทถ้ามีของเยอะ ถ้ามีของน้อยก็ธรรมดา 100-200 บาท น้ำพริกสูตรเด็ดที่ทานกับสะเดามีหลายอย่าง อาทิ ตำปลาร้าใส่ใบมะขาม ใส่ผักแขยง บางคนก็ชอบตำปลา หรือตำพริกปลาสด ภาษาเขมรสุรินทร์พื้นถิ่นเรียกว่า  บ็อก-มัน-ตี๊-แตรย(ตะ-แรย)-เสร๊าะ

ด้านนางสาวมณี สุธรรมภาวดี อายุ 38 ปี แม่ค้าขายสะเดา น้ำพริกน้ำปลาหวาน ในตลาดน้อยรื่นรมย์ บอกว่า ตนจะเริ่มขายน้ำพริกน้ำปลาหวาน ช่วงกลางเดือนตุลาคม ของทุกๆปี เพราะมีชาวบ้านที่มีสะเดาออกก่อนแล้วนำมาส่งก่อน ตนเลยได้ขายก่อนคนอื่น น้ำพริกน้ำปลาหวานจะอยู่ที่ถุงละ 30 บาท สะเดาขึ้นอยู่กับช่วง ถ้าช่วงใหม่ๆจะแพงหน่อย จะตกมัดละ 15 บาท สะเดาออกเยอะหน่อยก็จะเหลือกำละ 10 บาท สูตรเด็ด สุดพิเศษของทางร้านคือ กวนน้ำปลาหวานเอง ไม่ใส่แป้ง จะอยู่ได้เป็นอาทิตย์ ไม่เสีย ลูกค้าขาประจำส่วนใหญ่ จะมาซื้อไปทานประจำ  วันหนึ่งจะขายได้ 50-60 ชุดต่อวัน บางวันก็ขายไปถึง 70 ชุดก็มี ทำให้มีรายได้จากการขาย สะเดาน้ำพริกน้ำปลาหวานประมาณ 2,500-3,500 บาทต่อวันยังไม่หักค่าใช้จ่าย