ต้อกระจก

ภญ. อาสาฬา เชาวน์เจริญ เขียนไว้ในอภัยภูเบศรสาร ฉบับ 142 คอลัมน์ “คนงามเพราะแต่ง” ถึงโรคต้อกระจก และสมุนไพรทางเลือกในการป้องกันและบำรุงสายตา ซึ่งสถิติการเป็นโรคต้อกระจกในคนไทย อายุประมาณ 55 ปีขึ้นไป มีโอกาสเป็นโรคต้อกระจก ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์

ต้อกระจก คือ โรคของเลนส์แก้วตาที่มีความขุ่นเกิดขึ้น ทำให้การมองเห็นลดลง โดยทั่วไปเกิดจากความเสื่อมตามอายุ ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ สาเหตุอื่นๆ เช่น ต้อหิน การใช้ยากลุ่มสเตอรอยด์ ภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน การทำงานที่อยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลานาน การประกอบอาชีพเกี่ยวกับการเชื่อมโลหะโดยไม่ได้ใส่อุปกรณ์ที่ถูกต้อง คนที่สูบบุหรี่ โดยผู้ป่วยจะมีอาการตามัว มักเริ่มมัวอย่างช้าๆ เหมือนมีหมอกมาบัง เมื่อออกไปกลางแดดจะมัวมากขึ้น แต่จะมองเห็นดีขึ้นในที่ร่ม บางรายมองเห็นภาพซ้อน มองเห็นแสงไฟเป็นแสงกระจาย ปวดตา หรือมีอาการปวดศีรษะร่วมด้วย

มีข้อมูลงานวิจัยค้นพบว่า สมุนไพรหลายชนิดสามารถป้องกันโรคต้อกระจกได้ จากการที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ ขมิ้นชัน มีสารสำคัญ คือ เคอร์คูมิน ฟักข้าว มีสารสำคัญคือ ไลโคปีน ผัก และผลไม้ชนิดอื่นๆ ที่มีไลโคปีนสูง เช่น มะละกอ แตงโม มะเขือเทศ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยพบว่า ไลโคปีนและเคอร์คูมิน ยังช่วยป้องกันต้อกระจกที่เกิดจากเบาหวานได้อีกด้วย

 

กะเพรา มะระขี้นก ลูกซัด มะขามป้อม และชาเขียว ก็พบว่า สามารถป้องกันต้อกระจกได้ หากรับประทานเป็นประจำ โดยอาจ รับประทานในรูปแบบของผักในอาหาร หรือต้มเอาน้ำทา เช่น น้ำกะเพรา นำกะเพราที่ล้างน้ำสะอาดมา 1 กำ ต้มกับน้ำ 2 ลิตร ประมาณ 15 นาที ด้วยไฟปานกลาง ดื่มวันละ 1 แก้ว หรือคั้นน้ำมะระขี้นก ดื่มวันละ 2-3 ผล ต่อวัน ไม่แนะนำให้รับประทานเยอะเกิน เนื่องจากมะระขี้นกมีผลลดระดับน้ำตาลในเลือดได้

สำหรับมะขามป้อมก็นำผลต้มเป็นน้ำดื่ม วันละ 1 แก้ว โดยใช้ประมาณ 10 ผลแห้ง ต้มกับน้ำ ใส่พอท่วม ประมาณ 10-15 นาที ด้วยไฟปานกลาง

มะขามป้อม จัดเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมาก มีการศึกษาพบว่า วิตามินซีมีบทบาทในการป้องกันการเกิดต้อกระจก โดยทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและกรองรังสียูวีให้เลนส์ตา วิตามินอีช่วยเพิ่มระดับสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยป้องกันต้อกระจก พบในธัญพืชต่างๆ เช่น งาดำ ข้าวซ้อมมือ จมูกข้าว ข้าวโพด

 

รู้แบบนี้ ต้องหมั่นรับประทานพืชผักผลไม้  พวกนี้เป็นประจำ จะได้ไม่เป็นต้อกระจกในอนาคต