เผยแพร่ |
---|
แถลงไตรมาสสุดท้ายปีที่แล้วชะลอตัว ภาคบริการดี-ผุดโรงแรม-ปั๊มน้ำมันเพิ่ม
นายสมชาย เลิศลาภวศิน ผู้อำนวยการอาวุโสธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดแถลงข่าวภาวะเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาพรวมทางเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ที่ห้องปัญญาวิจิตร ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น โดยกล่าวว่า ภาพรวมทางเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมามีการขยายตัวในอัตราชะลอลง ทั้งเรื่องการบริโภคภาคเอกชน การค้าผ่านแดน การลงทุนภาคเอกชน การใช้จ่ายภาครัฐ และเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงิน แต่ที่ชัดเจนที่สุด คือรายได้จากภาคการเกษตรชะลอลง เนื่องจากผลกระทบของอุทกภัยในช่วงที่ผ่านมา ส่วนภาพรวมการส่งออกและนำเข้า พบการส่งออกไปยังลาวและเวียดนามชะลอตัวลง แต่การส่งออกไปจีนและกัมพูชาขยายตัวในเกณฑ์ที่ดี อย่างไรก็ตาม แม้การลงทุนภาคเอกชนจะชะลอตัวลง แต่ภาคงานบริการกลับเพิ่มขึ้น ดูจากการก่อสร้างโรงแรมและสถานีบริการน้ำมันที่มีอัตราการเติบโตขึ้นครอบคลุมทั้ง 20 จังหวัดภาคอีสาน
“แนวโน้มเศรษฐกิจภาคอีสาน ปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมาด้วยปัจจัยบวกและปัจจัยเสริม เนื่องจากมีปัจจัยบวก ไม่ว่าจะเป็นโครงการภาครัฐ บัตรสวัสดิการของรัฐ น่าจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายเศรษฐกิจฐานราก รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี การท่องเที่ยวเมืองรอง เป็นปัจจัยบวกอีกด้านหนึ่งที่สำคัญมาก คือ เศรษฐกิจคู่ค้าและเศรษฐกิจไทยโดยรวมถือว่ายังขยายตัวได้ดี เป็นปัจจัยเสริมของภาคตามมา” นายสมชาย กล่าวและว่า
อีกปัจจัยที่เป็นแรงส่ง คือคาดการณ์ภาวะอากาศเป็นภาวะปกติ ไม่มีน้ำมากเกินไป หรือไม่แล้ง เอื้อต่อภาคการผลิต แต่ปัจจัยหน่วงยังเป็นเรื่องเดิมๆ คือภาระหนี้สินของภาคครัวเรือนยังสูง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกคงเป็นเรื่องการผลิตภาคเกษตร เนื่องจากอีสานยังเป็นฐานผลิตที่สำคัญของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นข้าว เกินครึ่งหนึ่งของข้าวนาปีจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อ้อย มันสำปะหลังมีลักษณะคล้ายกัน ยางพารา มีพื้นที่เปิดกรีดมากขั้นต้นยางมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น กำลังซื้อความเป็นเมืองมีสูงขึ้นในหัวเมืองใหญ่ เช่นบุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด เป็นปัจจัยเสริมดึงดูดนักลงทุนเข้ามามากขึ้น
“ส่วนการลงทะเบียนคนจนรอบสอง คงต้องรอให้เงินเข้ากระเป๋าและใช้จ่ายของประชาชนซึ่งรัฐบาลอยากกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะในระยะนี้มีการเปิดให้ผู้มีรายได้น้อยได้ลงทะเบียนในรอบที่ 2 ในการเข้าร่วมโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่จะสนับสนุนกำลังซื้อและพัฒนาศักยภาพในระดับฐานรากภาพรวมทั่วทั้งประเทศได้อย่างชัดเจน”
ที่มา : ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน