กลุ่มพูลผล และกลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส จัดงาน “วันสมาชิกชาวไร่ปีที่ 30” ตอกย้ำแนวคิด “เพื่อนคู่คิด สมาชิกชาวไร่”

กลุ่มพูลผล และกลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส จัดงาน “วันสมาชิกชาวไร่ปีที่ 30” ประจำปี 2566/2567 สานต่อการช่วยเหลือและสนับสนุนสมาชิกชาวไร่ของบริษัท พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของเกษตรกรอย่างยั่งยืน ตอกย้ำการเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญ รุกเดินหน้าจัดโครงการมุ่งเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนเพาะปลูก มุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจ ภายใต้แนวคิด “เพื่อนคู่คิด สมาชิกชาวไร่”

“วันสมาชิกชาวไร่” ปีที่ 30

ดร.วีรวัฒน์ เลิศวนวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเอ็มเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด ภายใต้กลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส เปิดเผยว่า “บริษัทได้จัดงาน “วันสมาชิกชาวไร่” ประจำปี 2566/2567 จัดขึ้นเป็นปีที่ 30 ซึ่งดำเนินมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนเกษตรกรให้ยึดอาชีพการปลูกมันสำปะหลังเป็นอาชีพที่มั่นคงผ่านรูปแบบ “ระบบสมาชิกชาวไร่” ด้วยการรับซื้อผลิตผลหัวมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักจากเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 30 ปี โดยแต่ละปีบริษัทจะซื้อผลผลิตจากเกษตรกรมากกว่า 3,700 ครอบครัว พร้อมทั้งดำเนินโครงการและกิจกรรมต่างๆ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรทั้งด้านการเพิ่มผลผลิต การช่วยเหลือต้นทุนเพาะปลูก เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของเกษตรกร ภายใต้แนวคิด “เพื่อนคู่คิด สมาชิกชาวไร่” เนื่องจากบริษัทตระหนักว่า หนึ่งในหัวใจแห่งความสำเร็จของกลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คือ “เกษตรกร” ซึ่งเปรียบเสมือนหุ้นส่วนที่สำคัญของบริษัท”

กลุ่มพูลผล และ กลุ่ม เอสเอ็มเอส

สำหรับกลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส หนึ่งในกลุ่มพูลผล ซึ่งก่อตั้งมากว่า 37 ปี และเป็นผู้นำในการผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปรคุณภาพสูงของประเทศไทยและของโลกที่ตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมที่หลากหลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเป็นผู้ริเริ่มนำแป้งมันสำปะหลังซึ่งเป็นสินค้าสำคัญทางการเกษตรมาดัดแปรด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่มันสำปะหลัง ด้วยการนำไปใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อาหาร กระดาษ สิ่งทอ กาว อาคาร และสิ่งก่อสร้าง รวมถึงพลาสติกชีวภาพ โดยมีโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปรอยู่ทั้งหมด 3 แห่ง ที่ปทุมธานี ชัยภูมิ และบุรีรัมย์ มีกำลังผลิตรวมประมาณ 4 แสนตันต่อปี ส่งผลให้กลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส ครองตำแหน่งเป็นผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปรของคนไทยรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในขณะนี้ ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรม และการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและชุมชน

ดูแลถึงปัญหาต้นน้ำ ลดต้นทุน-เพิ่มผลผลิต 

ความมุงมั่นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังนี้ บริษัทได้ให้ความสำคัญนับแต่ต้นน้ำ โดยเฉพาะการลดต้นทุนการเพาะปลูก และการเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังของเกษตร ดังนี้

โครงการการเพิ่มผลิตมันสำปะหลัง โครงการส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตของเกษตรกรต่อไร่ให้สูงขึ้น ในรูปแบบของ “SMS Model” ภายใต้แนวคิด “เพื่อนคู่คิด สมาชิกชาวไร่” โดยเริ่มจากนำประเด็นปัญหาการเพาะปลูกของเกษตรกรที่ส่งผลให้ผลผลิตต่อไร่ลดลงมาพูดคุยในกลุ่มสมาชิก เพื่อหาปัจจัยแห่งความสำเร็จทั้งการค้นคว้าหาข้อมูลที่หน่วยงานวิชาการได้ศึกษามาก่อนแล้ว หรือการทดลองต่างๆ เพื่อแก้ปัญหา หรือการทดลองร่วมกับเกษตรกรที่สนใจ และนำสิ่งที่ได้เหล่านี้ไปส่งเสริมให้ความรู้แก่เกษตรกร ประกอบด้วย

1. การแบ่งปัน และการเสริมสร้างความรู้ทั่วไปที่เกี่ยวกับการปลูกมันสำปะหลังให้กับเกษตรกรด้วยกัน

2. การทำแปลงสาธิต เช่น การใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน เพื่อลดการใช้ปุ๋ยโดยไม่จำเป็น และลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

3. การพัฒนาปรับปรุงคุณภาพดินด้วยปุ๋ยพืชสด

4. การแนะนำเทคโนโลยีเครื่องจักรกลการเกษตรใหม่ๆ กับเกษตรกร

5. การปลูกมันสำปะหลังด้วยการใช้ Bio Plastic Mulch Film ซึ่งเป็นฟิล์มคลุมดินที่ย่อยสลายได้เพื่อระบบนิเวศ

โครงการช่วยเหลือ และลดต้นทุนการปลูกของเกษตรกร อาทิ ในปี 2560 ราคามันสำปะหลังตกต่ำลงอย่างมาก บริษัทให้ความช่วยเหลือเป็นเงินพิเศษแก่เกษตรกรคู่ค้ามากกว่า 1,900 ราย คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 4 ล้านบาท, การทำปุ๋ยหมักจากเปลือกดิน เพื่อลดการใช้ปุ๋ยไนโตรเจน และยังช่วยปรับโครงการดินให้มีสารอินทรีย์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการแจกพันธุ์มันดี เพื่อลดการซื้อต้นพันธุ์ โดยเกษตรกรสามารถนำต้นพันธุ์ไปปลูกจนเพียงพอกับความต้องการ แล้วจึงนำมาคืนในปีถัดไป เพื่อแจกจ่ายให้เกษตรกรคนอื่นๆ ได้มีปลูกต่อไปในอนาคต

พัฒนาแอปพลิเคชั่น FMS ยกระดับการมีส่วนร่วมของเกษตรกร

ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีปณิธานมุ่งมั่นกับการยกระดับคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของเกษตรกร โดยได้ดำเนินโครงการและกิจกรรมต่างๆ ไว้มากมาย รวมทั้งการพัฒนาแอปพลิเคชั่น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเกษตรกร และสร้างการมีส่วนร่วมกับ โครงการ “ส่งมาก แลกได้มาก”

ทั้งนี้ ดร.วีรวัฒน์ เปิดเผยว่า โครงการ  “ส่งมาก แลกได้มาก” ได้เปิดโอกาสให้เกษตรกรสมาชิกคู่ค้าได้สะสมแต้มจากการขายหัวมันสำปะหลัง แลกเป็นของรางวัลต่างๆ อีกทั้งเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการยังได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ อีกมากมาย และติดตามข่าวสาร โดยปัจจุบันบริษัทได้พัฒนาแอปพลิเคชั่น FMS (Farmer Member Survey) ที่มีความทันสมัยและสอดคล้องกับวิถีชีวิตของเกษตรกรในปัจจุบัน เพื่อตอบสนองการใช้งานของเกษตรกร โดยเกษตรกรสามารถดูคะแนนสะสมจากการขายหัวมันสำปะหลัง จอง แลกของรางวัล และการจองคิวเพื่อขายมันสำปะหลัง สามารถบันทึกข้อมูลเพาะปลูก และบันทึกต้นทุนการเพาะปลูกผ่านแอปพลิเคชั่นนี้ได้อีกด้วย”

หนุนเกษตรกร ชุมชน “อยู่ดี มีสุข”     

นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ชุมชน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยได้ทำกิจกรรมในมิติของสังคม เพื่อสร้างรายได้ของชุมชน และด้านสุขภาพ ภายใต้ โครงการอยู่ดี มีความสุขของเกษตรกร ทั้งนี้ ดร.วีรวัฒน์ เปิดเผยถึงการดำเนินโครงการในมิติของสังคมดังกล่าวว่า

“บริษัทให้ความสำคัญกับสุขภาพของเกษตรกร โดยจัดให้มีการอบรมให้ความรู้ในการใช้สารเคมีอย่างถูกต้องและปลอดภัย และมีการตรวจหาสารเคมีในเลือดให้แก่เกษตรกร ขณะเดียวกัน ก็ได้จัดตั้งศูนย์เรียนรู้มันสำปะหลัง เป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน โดยให้ความรู้เด็กนักเรียนอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพื่อทำให้เด็กเข้าใจเกี่ยวกับอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการปลูกมันสำปะหลังได้มากขึ้น และได้จัดทำโครงการเพาะเห็ดจากเศษดินและเปลือกมันสำปะหลังซึ่งเป็นของเหลือจากกระบวนการผลิตของโรงงานไปใช้เพาะเห็ด เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนมีความรู้นำไปประกอบอาชีพ และขยายผลสู่การสร้างรายได้ให้ชุมชน โดยบริษัทให้การสนับสนุนวัตถุดิบ และวิทยากรเพื่อสอนเพาะเห็ดฟางกองเตี้ยอย่างง่ายๆ ตลอดจนการสร้างโรงเรือนเพาะเห็ด และผลผลิตของเห็ดเหล่านี้ โรงเรียนสามารถนำเห็ดไปประกอบอาหารกลางวันเลี้ยงเด็กนักเรียน หรือจำหน่ายให้ชุมชนในราคาถูกได้อีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทยังได้รณรงค์เกี่ยวกับการงดใช้แรงงานผิดกฎหมาย ทั้งในด้านแรงงานบังคับ และแรงงานเด็ก”