SEO คืออะไร? อยากให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google ต้องรู้

SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimize คือการทำการตลาดผ่าน Search Engine อย่าง Google เพื่อให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพิ่มจำนวนคนเข้าชมเว็บไซต์ และทำให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าการค้นหา (SERP) และนำมาซึ่งความน่าเชื่อถือและยอดขายอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ SEO ยังคุ้มค่าและยั่งยืนด้วย เนื่องจากคุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายรายเดือนเหมือนการยิงโฆษณา เน้นลงทุนทำในช่วงแรก เน้นสร้างเนื้อหาและปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตรงกับความต้องการของผู้เสิร์ช ก็จะทำให้คุณได้ผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องในระยะยาวแล้ว

ดังนั้น จึงทำให้เหล่าเจ้าของกิจการ องค์กร และร้านค้าต่างๆ หันมาเปิดเว็บไซต์และทำ SEO กันมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการทำ SEO เหมาะสำหรับธุรกิจทุกประเภท ทั้งธุรกิจระดับเล็ก-กลาง-ใหญ่ ธุรกิจ B2B และธุรกิจ B2C นอกจากนี้ ยังเหมาะกับทุกอุตสาหกรรมเช่นกัน ไม่ว่าคุณจะเป็นโรงงานผลิตสินค้า, คลินิกเสริมความงาม, บริษัทจำหน่ายเครื่องมือ, บริษัทประกันภัย, สถาบันการศึกษา หรืออุตสาหกรรมใดก็ตาม

อยากให้เว็บไซต์ติดอันดับต้องทำอย่างไร

อยากให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าแรกของ Google สามารถทำได้ 2 ทางคือ 1. การทำ SEO ด้วยตัวเอง (อาจจะซับซ้อนและใช้เวลามากสักหน่อย แต่คุณจะได้เรียนรู้และเข้าใจการทำ SEO อย่างถ่องแท้ทีละขั้นตอน) และ 2. การจ้างเอเจนซี่มาทำ SEO (ไม่ต้องเสียเวลาทำเอง ไม่ต้องปวดหัวเวลาเจอปัญหา และยังการันตีผลลัพธ์ได้อีกด้วย)

ถ้าธุรกิจของคุณเพิ่งกระโดดเข้ามาสู่โลกออนไลน์ไม่นาน และอยากจะทำ SEO ด้วย แนะนำให้เลือกจ้างเอเจนซี่ก่อนในช่วงแรก เมื่อเข้าที่เข้าทางดีแล้วค่อยหาทีมมาลุยเองต่อ แต่ถ้าใครอยากลองทำ SEO ด้วยตัวเองตั้งแต่แรก ก็สามารถทำตามนี้ได้เลย เพราะนี่คือ 6 วิธีทำให้เว็บไซต์ติดอันดับ (ฉบับพื้นฐาน) ที่เราเอามาฝากกัน!

1. เตรียมเว็บไซต์ให้พร้อม

อย่างแรกเลยให้สร้างเว็บไซต์ขึ้นมาและเตรียมเว็บไซต์ให้พร้อมสำหรับการทำ SEO และพร้อมต้อนรับผู้ใช้งานมากที่สุด เช่น ออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย, ตั้งชื่อเว็บไซต์ด้วยคีย์เวิร์ดของประเภทสินค้าที่จำหน่ายหรือตั้งด้วยชื่อแบรนด์, ติดตั้งปลั๊กอินที่สำคัญให้ครบ, ตกแต่งเว็บไซต์ให้สวยงาม ฯลฯ

2. ตามหาคีย์เวิร์ดที่ใช่

ตามหาคีย์เวิร์ดที่ใช่ด้วยการทำ Keyword Research (การค้นหาว่ามีคีย์เวิร์ดคำไหนเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณบ้างและมีจำนวนการค้นหาเท่าไหร่) เพื่อที่จะได้รู้ว่าคีย์เวิร์ดคำไหนเหมาะกับการทำ SEO บนเว็บไซต์ของคุณมากที่สุด และนำคีย์เวิร์ดนั้นมาวางแผนการสร้างเนื้อหาในหน้าต่างๆ ของเว็บไซต์ต่อไป

3. ทำ On-Page SEO

การทำ On-Page SEO (ปรับแต่งหน้าเว็บไซต์) จะช่วยให้ Search Engine เข้าใจว่าเว็บไซต์ของเราพูดถึงอะไร และนำไปจัดอันดับบนหน้าการค้นหาได้อย่างถูกต้อง อาทิ การเขียนบทความให้มีคุณภาพ, การเขียนบทความให้กระชับและเข้าใจง่าย, การกำหนด URL ให้ตรงกับเนื้อหาในหน้านั้นๆ, การปรับความเร็วเว็บไซต์, การปรับรูปภาพให้เหมาะสม, การกำหนด Heading หรือการใส่ลิงก์เชื่อมโยง (Internal Lin) เป็นต้น

4. ทำ Backlink เสริม

เพิ่มคะแนนความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์ด้วยการทำ Backlink โดยการโพสต์คอนเทนต์ลงบนเว็บไซต์อื่นและส่งลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของเรา เพราะการทำ Backlink เปรียบเสมือนการเพิ่มคะแนนโหวต ยิ่ง Backlink มาจากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพมากแค่ไหน และมีคะแนน DA, DR, TF สูงเท่าไหร่ ก็จะเป็นผลดีกับเว็บไซต์ของเรามากเท่านั้น (หนึ่งในปัจจัยที่ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับในหน้าแรก)

5. เพิ่ม Traffic ด้วย Social Media

Organic Traffic จาก Search Engine อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แนะนำให้ดึง Traffic จาก Social Media เข้ามาเพิ่มด้วย อย่างการแชร์ลิงก์บทความลงบน Facebook เพื่อให้คนสามารถกดลิงก์เข้าไปอ่านต่อที่เว็บไซต์ได้ เป็นต้น

6. ปรับปรุง Technical SEO

การปรับปรุง Technical SEO จะทำให้ Googlebot เข้ามาตรวจสอบเว็บไซต์ได้สะดวกและจัดทำดัชนีได้ง่ายมากขึ้น ส่งผลให้เว็บไซต์ติดอันดับง่ายกว่าเดิมนั่นเอง ตัวอย่างเช่น การทำ HTTPS เพื่อให้เว็บไซต์ปลอดภัยขึ้น, การแก้ปัญหาลิงก์เสีย, การแก้ปัญหาเว็บโหลดช้า และอื่นๆ ที่จะช่วยให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพสูงขึ้น

สรุปบทความเรื่อง SEO 

SEO คือวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจของเราเป็นที่รู้จักและเติบโตมากขึ้นบนโลกออนไลน์ ในช่วงแรกอาจจะต้องใช้เวลาและความอดทนมากมาย แต่เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมแล้ว ผลลัพธ์ที่คุณจะได้รับมีความคุ้มค่าอย่างแน่นอน! ถ้าอยากเอาชนะคู่แข่งได้ก็อย่ารอช้า ไปลงมือทำ SEO กันได้เลย! หรือจะจ้างบริษัทรับทำ SEO ที่เชี่ยวชาญในด้านนี้โดยตรงอย่างบริษัทดิจิทัลเอเจนซี่ที่ชื่อว่า ANGA (แองก้า) ก็ได้เช่นเดียวกัน