ห่อช่อผลลิ้นจี่ ได้คุณภาพดี สีสวยและราคาแพง

ลิ้นจี่ เป็นผลไม้สำคัญทางเศรษฐกิจของภาคเหนือตอนบน แต่เกษตรกรก็มีความเสี่ยงในด้านการผลิต คือผลแตกและร่วง การห่อช่อผลลิ้นจี่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าว อีกทั้งยังได้ผลผลิตที่มีคุณภาพพรีเมี่ยม (Premium) สีสวยและราคาดี

คุณนเรศ ฝีปากเพราะ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 6 จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เกษตรกรชาวสวนลิ้นจี่โดยทั่วไปมักจะประสบปัญหาสำคัญ 2 ประการ คือ ผลแตก และผลร่วง ทั้งนี้เพราะในช่วงที่ลิ้นจี่ติดผลเจริญเติบโตใกล้จะเก็บเกี่ยวเพื่อจำหน่าย ประมาณปลายเดือนเมษายน-พฤษภาคม ซึ่งช่วงนี้สภาพอากาศร้อนและเจอฝนตกสลับกัน 2-3 ครั้ง จึงทำให้ผลลิ้นจี่แตกและร่วง ด้วยเหตุนี้เกษตรกรส่วนมากจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งเก็บผลผลิตและจำหน่าย ทำให้ได้ราคาต่ำ กรมส่งเสริมการเกษตร จึงขอแนะนำเกษตรกรชาวสวนลิ้นจี่ ดังนี้

 

 

 

 

 

การปฏิบัติดูแลลิ้นจี่ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน (ช่วงของการพัฒนาผล)

  1. เกษตรกรควรให้น้ำ 250-350 ลิตร/ต้น สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
  2. ใส่ปุ๋ยเคมี เช่น 15-15-15 ผสม 60-0-0 สัดส่วน 1:1 อัตรา 1-2 กิโลกรัม/ต้น
  3. ป้องกันศัตรูพืช

– ไข่หนอนเจาะขั้วผลเกิน 5% พ่นไซฟลูทริน 30 มิลลิลิตร/น้ำ 20 ลิตร

– เพลี้ยหอย หรือ เพลี้ยแป้ง เกิน 20% พ่นคลอร์ไพริฟอส 30 มิลลิลิตร ผสมปิโตรเลียมสเปรย์ออยล์ 30 มิลลิลิตร/น้ำ 20 ลิตร พ่น 2 ครั้ง ห่างกัน 7 วัน

– โรคผลเน่า พ่นเมตาแลกซิล 50 กรัม/น้ำ 20 ลิตร

  1. ห่อช่อผลในระยะที่ลิ้นจี่เริ่มเข้าสี คือมีสีแดง ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้กระดาษโคบอนสีขาว ขนาด 38×54 เซนติเมตร โดยพับครึ่งกระดาษ แล้วทากาวแป้งเปียกติดขอบกระดาษในลักษณะพับถุง เปิดหัว-ท้าย จากนั้นตัดแต่งช่อผลและใบ โดยตัดแต่งผลลิ้นจี่ที่มีลักษณะไม่ได้คุณภาพ ไม่สมบูรณ์ และเป็นโรคออก รวบช่อผลและใช้มืออีกข้างสอดถุงกระดาษเลื่อนขึ้นปิดช่อไม่ให้ผลโผล่

จากนั้นรวบปากถุงด้านบนมัดด้วยตอก โดยไม่ต้องรัดให้แน่น เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ การห่อช่อผลในลักษณะนี้ จะช่วยป้องกันโรคแมลงและหนอนเจาะขั้ว ป้องกันผลแตกร่วง ทำให้ได้ลิ้นจี่คุณภาพเกรดพรีเมี่ยม “ไหล่ยก อกตั้ง ก้นป้าน ร่องลึก เนื้อกอด ในแห้ง กลิ่นหอม รสหวาน” สำหรับกระดาษโคบอนที่ใช้ห่อช่อผลนี้ จะใช้ได้ 2-3 ฤดูกาลผลิต ทนต่อแรงลมไม่ฉีกขาดง่าย เมื่อเจอฝนน้ำซึมผ่านแห้งเร็ว หลังจากห่อช่อผลแล้ว ประมาณ 30 วัน ก็เก็บเกี่ยวจำหน่ายได้ราคาดี

 

 

 

 

 

5. หยุดพ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช 15 วัน ก่อนการเก็บเกี่ยว

การห่อช่อผลลิ้นจี่ ทำให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิต สินค้าที่ได้มีคุณภาพและตลาดต้องการ ที่สำคัญเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น จากปี 2561 ที่ผ่านมา เกษตรกรจังหวัดพะเยาที่ห่อช่อผลลิ้นจี่ สามารถสร้างตลาดตกลงการซื้อขายล่วงหน้า ประกันราคา กิโลกรัมละ 80 บาท ในขณะที่ลิ้นจี่ไม่ห่อช่อผล จำหน่ายได้เพียง กิโลกรัมละ 30 บาท นับว่าเป็นความสำเร็จของศูนย์เรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) และการรวมตัวของเกษตรกรที่ทำระบบเกษตรแปลงใหญ่ลิ้นจี่จังหวัดพะเยาตามนโยบายของรัฐบาล ปัจจุบันได้ขยายผลในพื้นที่ มีเกษตรกรได้ห่อช่อผลลิ้นจี่ไปแล้วกว่า ร้อยละ 20 “ลดแตก ลดร่วง ราคาดี มีคุณภาพพรีเมี่ยมด้วยการห่อช่อผลลิ้นจี่”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ คุณสังเวียน ชัยทิพย์ สมาร์ทฟาร์มเมอร์ (Smart Farmer) เจ้าของแปลงเรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) และประธานกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ลิ้นจี่ อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา โทร. 097-941-1159

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อวันเสาร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ.2562