เกษตรกรนครศรีธรรมราช ผลิตมังคุดเน้นคุณภาพ ผลผลิตเป็นที่ต้องการของตลาด ส่งขายได้ทั้งในและต่างประเทศ

จังหวัดนครศรีธรรมราช ในพื้นที่แห่งนี้มังคุดถือว่าเป็นไม้ผลทางเศรษฐกิจที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และไม้ผลอีกชนิดเป็นที่น่าสนใจคือ ทุเรียน พร้อมกันนี้เกษตรกรบางรายได้มีการปรับเปลี่ยนจากพื้นที่สวนยางพารา มาปลูกไม้ผลอย่างมังคุดและทุเรียนแซมเข้าไป เพื่อให้ในแต่ละปีสามารถมีผลผลิตทางการเกษตรที่หลากหลาย เพิ่มรายได้ที่ไม่ได้มาจากการผลิตพืชเชิงเดี่ยวเพียงอย่างเดียว ทางสำนักงานเกษตรอำเภอลานสกาจึงเข้ามาช่วยส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่ผลิตไม้ผลอย่างมืออาชีพและมีคุณภาพออกสู่ตลาด

คุณบุญเติม ศิริวรรณ อยู่บ้านเลขที่ 95 หมู่ที่ 6 ตำบลลานสกา อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเกษตรกรที่ปลูกมังคุดจนประสบผลสำเร็จ สามารถสร้างรายได้แต่ละปีได้ไม่น้อยทีเดียว โดยนำองค์ความรู้ในเรื่องของการประหยัดต้นทุนการผลิตเข้ามาใช้ ส่งผลให้ในรอบการผลิตแต่ละปีช่วยเพิ่มผลกำไรมากขึ้น และที่สำคัญดูแลทุกขั้นตอนด้วยการใส่ใจในอาชีพของตน ทำให้มังคุดมีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาดมาจนถึงทุกวันนี้

คุณบุญเติม ศิริวรรณ

ปรับเปลี่ยนพื้นที่สวนยางพารา

มาทำสวนมังคุด เน้นคุณภาพ

คุณบุญเติม เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนนั้นพื้นที่รอบบริเวณบ้านทั้งหมดปลูกยางพาราไว้สร้างรายได้ ต่อมาประมาณปี 2539 เริ่มรู้สึกอยากเปลี่ยนวิถีการปลูกพืชชนิดอื่น จึงได้หาต้นพันธุ์มังคุดมาปลูกทดแทนยางพาราทั้งหมด โดยในช่วงที่รอมังคุดเติบโตก็จะทำอาชีพอื่นๆ เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายประคอง ไปเรื่อยๆ ก่อนที่มังคุดในสวนที่ปลูกไว้จะให้ผลผลิตที่สามารถเก็บจำหน่ายได้

“ต้นพันธุ์มังคุด ช่วงที่คิดจะปลูก ไม่ได้ไปหาซื้อพันธุ์จากที่ไหน ใช้เป็นพันธุ์ดั้งเดิมที่มีอยู่ในแหล่งชุมชนนี้ ช่วงแรกก็มาปลูกรอบๆ บริเวณบ้านก่อน เสร็จแล้วจึงค่อยขยับขยายต่อไปยังพื้นที่ที่เรามีทั้งหมด โดยปรับเปลี่ยนจากสวนยางพารามาทำสวนมังคุดเพียงอย่างเดียว ใช้เวลารอต้นโตให้สมบูรณ์พร้อมให้ผลผลิตได้ ดูแลอย่างน้อย 7 ปี ต้นมังคุดที่ปลูกจะโตเต็มที่ ให้ผลผลิตชุดแรกเก็บขายได้ในเวลาต่อมา” คุณบุญเติม บอก

พื้นที่สวน

เน้นให้มีผลผลิตทั้งในและนอกฤดู

ช่วยให้จำหน่ายได้ราคา

ในขั้นตอนการผลิตมังคุดให้ได้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพนั้น คุณบุญเติม บอกว่า หลักการปลูกก็ไม่แตกต่างจากการทำสวนไม้ผลทั่วไป โดยระยะห่างระหว่างต้นอยู่ที่ 8×8 เมตร ในช่วงแรกใส่ปุ๋ยรดน้ำต้นที่ปลูกใหม่ๆ ดูแลเป็นเวลาเกือบ 7 ปี มังคุดก็จะเริ่มมีผลผลิตออกมาให้เก็บจำหน่ายได้

ซึ่งในการผลิตมังคุดแต่ละครั้งจะผลิตทั้งในและนอกฤดูกาล เพราะจะทำให้มีผลผลิตจำหน่ายได้ปีละ      2 ครั้ง อย่างในช่วงฤดูกาลราคาปกติ และนอกฤดูกาลจะมีราคาที่สูงขึ้น ดูแลผลให้ได้คุณภาพทั้งสวน ผลผลิตก็จะเป็นไปตามที่ตลาดต้องการ และจำหน่ายได้ราคาดีตามไปด้วย

ผลสวยที่ดูแลอย่างดี ปราศจากแมลงศัตรูพืช

“พอหลังจากเราเก็บผลผลิตนอกฤดูในช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์แล้ว จากนั้นจะตัดแต่งกิ่งไป ใส่ปุ๋ยช่วยบำรุงต้นเข้าไปช่วย ดูแลไปเรื่อยๆ ซึ่งผมเองจะเน้นให้ได้ผลผลิตปีละ 2 ครั้ง แต่หลักๆ จะเน้นทำนอกฤดู ดังนั้น การบำรุงต้นจึงค่อนข้างเป็นสิ่งที่สำคัญ ผมก็จะใส่ปุ๋ยคอกสลับกับปุ๋ยเคมี เพื่อช่วยในการบำรุงต้นให้มีความแข็งแรง นอกจากนี้ ก็ยังมีการใช้น้ำหมักเข้ามาช่วย เพื่อลดต้นทุนการผลิต ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพ สามารถใช้ควบคู่กันได้ ดูแลไม่นานมังคุดก็จะเริ่มออกดอกมาให้เห็น” คุณบุญเติม บอก

เมื่อดูแลจนเข้าสู่เดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน ต้นมังคุดจะเริ่มออกดอกเพื่อให้ผลผลิตตามฤดูกาลปกติ จะควบคุมปริมาณดอกไม่ให้มากจนเกินไป เพื่อรักษาความสมบูรณ์ของต้นไม่ให้โทรม ในช่วงนี้จะให้น้ำระดับเปียกและเปลี่ยนยอดที่เหลือให้แตกเป็นใบอ่อนด้วยการใส่ปุ๋ย สูตรเสมอ 15-15-15 ต้นละ 1-2 กิโลกรัม และให้น้ำทางดินและฉีดพ่นปลายยอด เพื่อช่วยเพิ่มความชื้นสัมพัทธ์ทางอากาศ จากนั้นไม่นานผลผลิตในฤดูกาลก็จะแก่ให้เก็บจำหน่ายได้ในช่วงเดือนกรกฎาคม

การคัดเกรด

จากนั้นบำรุงต้นด้วยการใส่ปุ๋ย สูตรเสมอ 15-15-15 เพื่อให้ในระยะนี้มีการออกยอดใหม่อีกครั้ง เป็นการช่วยให้ต้นมังคุดสร้างดอกและมีผลผลิตไปออกผลเป็นมังคุดนอกฤดูกาล ที่เก็บจำหน่ายได้ในช่วงเดือนมกราคมเป็นต้นไป โดยระยะนี้จะใส่ปุ๋ย สูตร 8-24-24 หรือ 13-13-21 อัตราส่วน 1-2 กิโลกรัม ต่อต้น เพื่อให้มีการพัฒนาผลให้มีคุณภาพ

“หลังจากมังคุดออกดอกแต่ละครั้ง นับไปจากช่วงออกดอกประมาณ 4 เดือน ก็จะได้เป็นผลที่แก่พร้อมเก็บขายได้ ซึ่งการไว้ผลไม่ต้องไว้มาก เราต้องการผลิตให้มีผลใหญ่และผิวสวย ซึ่งที่ติดผลเล็กแล้ว จะมีการดูแลป้องกันแมลงต่างๆ ศัตรูพืชหลักๆ ก็จะเป็นพวกเพลี้ยไฟ ซึ่งช่วงที่ออกดอกต้องดูแลป้องกันแมลงศัตรูตั้งแต่ตอนนั้น ฉีดพ่นยาป้องกันทุก 15 วันครั้ง ก่อนเก็บผลผลิต 1 เดือน แมลงก็จะเข้ามาทำลายไม่ได้แล้ว ก็ไม่ต้องใส่ยาใด เพราะผลเริ่มแก่และแข็งเกินกว่าแมลงศัตรูพืชจะเข้าทำลายได้” คุณบุญเติม บอก

เตรียมส่งลูกค้า

สร้างกลุ่มเข้มแข็ง

ช่วยให้ลูกค้าเข้ามาซื้อทุกปี

เมื่อผลผลิตอย่าง มังคุด ออกผลผลิตในช่วงแรกที่ปลูกใหม่ๆ คุณบุญเติม บอกว่า การทำตลาดหลักๆ จะเน้นไปจำหน่ายเองตามตลาดนัดในชุมชน และเมื่อเป็นที่รู้จักของลูกค้ามากขึ้น ก็จะเริ่มมีพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาติดต่อซื้อถึงหน้าสวน โดยที่ไม่ต้องออกไปตระเวนจำหน่ายเหมือนเช่นสมัยก่อน ต่อมาได้มีการรวมกลุ่มผู้ผลิตมังคุดแปลงใหญ่เกิดขึ้น จึงช่วยให้ทั้งการผลิตและการตลาดมีความเข้มแข็งมากขึ้น การผลิตจึงเป็นไปในทางเดียวกัน ส่งผลให้ผลผลิตมีคุณภาพตามที่ตลาดทั้งการ

“พอเราสร้างเป็นกลุ่มแปลงใหญ่มากขึ้น ก็จะมีการเปิดประมูลให้พ่อค้าแม่ค้าได้เข้ามาซื้อ อย่างผลผลิตที่มีคุณภาพสูงเกรดดีเยี่ยม ราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 140 บาท ส่วนไซซ์อื่นๆ ราคาก็ลดลงมาตามคุณภาพ ต่ำสุดอยู่ที่กิโลกรัมละ 40 บาท ซึ่งทั้งสวนของผมก็จะเน้นผลิตเป็นสินค้าขายแบบคุณภาพเป็นหลัก ผลิตได้ 1.5 ตัน ต่อไร่ ก็จะทำให้เราขายได้ราคาดี ส่วนตกเกรดอื่นๆ ก็เป็นตัวช่วยที่ขายทั่วไปให้กับลูกค้าอื่นๆ เกิดเป็นรายได้อีกช่องทาง” คุณบุญเติม บอก

การให้น้ำบริเวณยอดต้น

สำหรับการจะทำสวนมังคุดให้เป็นอาชีพที่สร้างรายได้และยั่งยืนนั้น คุณบุญเติม แนะนำว่า ผู้ปลูกต้องมีความใส่ใจและรักที่จะทำอย่างจริงจัง เพราะการดูแลมังคุดในช่วงออกผล หากต้องการให้เป็นสินค้าคุณภาพส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศได้ จะต้องมีการดูแลค่อนข้างใส่ใจเป็นพิเศษ ดังนั้น ถ้ามีใจรักและชอบที่อยากจะทำจริงๆ ก็จะทำให้เกิดรายได้อย่างแน่นอน

สำหรับท่านใดสนใจในเรื่องของการผลิตมังคุดคุณภาพ สามารถติดต่อเข้าศึกษาดูงานได้ที่ คุณบุญเติม ศิริวรรณ หมายเลขโทรศัพท์ 061-216-8387

เผยแพร่ครั้งแรกวันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2562