สาลิกา! สุดยอดทุเรียนพื้นเมือง อันดับ 1 ภาคใต้ สร้างรายได้ให้เกษตรกรพังงา เฉียด 70 ล้านบาท ต่อปี

สาลิกา สุดยอดทุเรียนพื้นเมือง อันดับ 1 ของภาคใต้ ของแท้ต้องที่ อำเภอกะปง จังหวัดพังงา เท่านั้น “ถ้ามาพังงาแล้วไม่ได้ชิมทุเรียนสาลิกา เหมือนมาไม่ถึงเมืองพังงา” เป็นคำกล่าวของผู้ที่ชื่นชอบและหลงใหลในรสชาติของทุเรียน และได้เคยลิ้มลองทุเรียนสาลิกา

                        นายสมชาย บริพันธุ์ เกษตรจังหวัดพังงา กล่าวว่า ในช่วงขณะนี้ผลไม้ของจังหวัดพังงากำลังออกสู่ท้องตลาดหลายชนิด ได้แก่ มังคุด สะตอ ทุเรียน และทุเรียนพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงของจังหวัดพังงา คือ ทุเรียนสาลิกา จากการติดตามสถานการณ์ไม้ผลของจังหวัดพังงาในปีนี้ พบว่าผลผลิตลดลงกว่าทุกปี เนื่องจากจังหวัดพังงาประสบปัญหาภัยแล้งติดต่อกันยาวนาน ไม้ผลขาดแคลนน้ำ ทำให้ได้ผลผลิตน้อย ผลผลิตจึงมีราคาสูง เช่น มังคุด กิโลกรัมละ 60 บาท สะตอ ร้อยฝัก 400 บาท ทุเรียนพื้นเมือง กิโลกรัมละ 50 บาท โดยเฉพาะทุเรียนสาลิกา กิโลกรัมละ 150-200 บาท ในจังหวัดใกล้เคียง วางขายกิโลกรัมละ 250-300 บาท ซึ่งคาดว่าสถานการณ์ราคาผลไม้ของจังหวัดพังงาจะมีราคาดีตลอดฤดูกาล ซึ่งราคาสูงกว่าปีที่ผ่านมา ประมาณ ร้อยละ 30 โดยเกษตรกรได้มีการปรับปรุงคุณภาพผลผลิตอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มีคุณภาพดีเป็นที่พอใจของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ในที่นี้จะขอกล่าวถึงทุเรียน “สาลิกา” ทุเรียนเลื่องชื่อของจังหวัดพังงา

 ทุเรียนพันธุ์ “สาลิกา” หรือ ที่เรียกกันเป็นภาษาถิ่นว่า เรียนสากา เป็นทุเรียนที่มีต้นกำเนิดที่อำเภอกะปง มีรสชาติหวานมันและมีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ จนมีคำกล่าวขานที่ว่า ถ้ามาพังงาแล้วไม่ได้ชิมทุเรียนสากา เหมือนมาไม่ถึงเมืองพังงา จังหวัดพังงามีพื้นที่ปลูกทุเรียนสาลิกา ประมาณ 350 ไร่ผลผลิตรวม 350 ตัน ทำรายได้ให้เกษตรกรจังหวัดพังงา เฉียด 70 ล้านบาท ต่อปี ซึ่งขณะนี้ชื่อเสียงของทุเรียนสาลิกากำลังเป็นที่รู้จักและมีผู้บริโภคที่ต้องการลิ้มลองทุเรียนขึ้นชื่อพันธุ์นี้เป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าในปีนี้สภาพอากาศจะไม่อำนวย ทุเรียนยืนต้นตายเป็นจำนวนมาก ทำให้ผลผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค ลักษณะและจุดเด่นของทุเรียนพันธุ์สาลิกานั้น เนื่องจากเป็นพืชพื้นเมืองและชอบอากาศร้อนชื้น จึงเหมาะกับสภาพภูมิอากาศในเขตจังหวัดพังงาเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ยังทนทานต่อโรคใบติด ต้านทานต่อโรครากเน่าโคนเน่า ลักษณะผลค่อนข้างกลม คล้ายลูกแอปเปิ้ล ซึ่งสามารถตั้งได้โดยไม่ล้ม ความยาวผลประมาณ 30 เซนติเมตร รวมขั้วผล มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 เซนติเมตร เปลือกผลบาง หนามสั้นและค่อนข้างถี่ เมื่อผลยังดิบสีเปลือกจะมีสีเขียวเข้ม เมื่อผลแก่สีจะอ่อนลงเล็กน้อย และมีสีน้ำตาลอ่อนบริเวณร่องพู (สีสนิม) เมล็ดภายในส่วนใหญ่เป็นเมล็ดลีบ ขนาดเล็กเกือบทั้งหมด รสชาติหวานมัน และมีความหวานมากกว่าทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองอื่นๆ แต่ละพูมีความยาวประมาณ 6-7 เซนติเมตร เนื้อทุเรียนมีสีเหลือง เนื้อหนา ละเอียด ไม่มีเส้นใย เนื้อแน่น ไม่เละ มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์คงไว้ แต่ไม่ฉุน น้ำหนักต่อผลโดยเฉลี่ย ประมาณ 1-2 กิโลกรัม ให้ผลผลิตได้เมื่อปลูกไปแล้วประมาณ 4-5 ปี

นอกจากราคาผลผลิตทุเรียนสาลิกาจำหน่ายได้ราคาสูงแล้ว ในขณะนี้เข้าสู่ช่วงฤดูฝน เกษตรกรเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ปลูกพืชชนิดต่างๆ มากมาย และในจำนวนนี้ ทุเรียนสาลิกา ก็เป็นไม้ผลที่เกษตรกรให้ความนิยมในการปลูกเป็นลำดับต้นๆ ทำให้ต้นพันธุ์ราคาสูงตามไปด้วย อยู่ที่ต้นละ 150-200 บาท

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเกษตรจังหวัดพังงา โทรศัพท์ (076) 481-467 และสำนักงานเกษตรอำเภอกะปง โทรศัพท์ (076) 499-107