ผู้เขียน | สุรเดช สดคมขำ |
---|---|
เผยแพร่ |
ตะไคร้ เป็นพืชล้มลุกที่เรียกได้ว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เพราะมีการนำมาเป็นเครื่องเทศ หรือส่วนผสมที่อยู่ในอาหารไทยหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นการทำต้มยำ การยำ หรือแกงเผ็ดต่างๆ ล้วนแล้วมีส่วนประกอบของตะไคร้เข้ามาช่วยทำให้อาหารมีรสสัมผัสและกลิ่นหอมมากขึ้น ซึ่งตะไคร้ถือว่าเป็นพืชที่ปลูกได้ง่ายและถือว่าเป็นพืชสมุนไพรประจำบ้านเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่เป็นพืชที่ปลูกง่าย จึงทำให้ในบางฤดูกาลราคาจำหน่ายอาจไม่ได้สูงมากเหมือนพืชผักชนิดอื่นๆ จึงทำให้เกษตรกรมีการปรับตัวในเรื่องของการทำตลาดด้านอื่นที่มีรายได้มากกว่าเดิม แทนที่จะปลูกเพื่อจำหน่ายต้นเพียงอย่างเดียว
คุณเสาวคนธ์ ภูมิผล เกษตรกรผู้ปลูกตะไคร้อยู่จังหวัดพิษณุโลก ได้มีการปรับเปลี่ยนจากการปลูกตะไคร้มาตัดเป็นใบส่งจำหน่ายแทนต้น เพราะตะไคร้ที่ตัดใบเมื่อนำมาตากแดดแล้วสามารถมาจำหน่ายเกิดรายได้ตลอดทั้งปี และด้วยความที่มีช่องทางการทำตลาดนี้เองจึงทำให้เธอแนะนำการปลูกกับญาติพี่น้อง จนทำให้มีกำลังผลิตที่ส่งตะไคร้ตัดใบเข้าโรงงานได้อย่างต่อเนื่องเป็นไปตามที่ลูกค้าต้องการ
คุณเสาวคนธ์ เล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันทำงานประจำอยู่ที่กรมชลประทาน โดยในช่วงว่างจากวันหยุดก็จะทำอาชีพเสริมควบคู่ไปด้วย คือการปลูกตะไคร้ต้นจำหน่าย ต่อมาเริ่มมองว่าตะไคร้ที่ตัดต้นจำหน่ายไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก ทำให้เมื่อปลูกแล้วไม่สามารถตัดส่งจำหน่ายลูกค้าได้ทุกวัน และจำหน่ายได้ยาก เพราะในพื้นที่ทุกบ้านก็แทบจะมีการปลูกตะไคร้กันหมดทุกหลังคาเรือน จึงเห็นถึงความลำบากในการจำหน่ายตะไคร้แบบต้น ทำให้มีการปรับเปลี่ยนความคิดว่าต้องเปลี่ยนแผนการทำตลาดใหม่ ด้วยการทำใบตะไคร้ให้มีความสวยมากขึ้น เพื่อตัดใบแล้วนำมาตากแห้งส่งเข้าโรงงาน
“ช่วงแรกที่เราจะตัดใบเพื่อนำมาตากแห้งจำหน่าย ก็หาตลาดยากหน่อย เพราะช่วงนั้นยังไม่มีคนทำมาก เราก็ต้องมาบุกตลาด โดยหาโรงงานที่เขารับซื้อ เพื่อขอให้เขารับซื้อผลผลิตของเราทั้งหมด ซึ่งเราเองก็ต้องมีความต่อเนื่องของการผลิตด้วย ให้มีส่งโรงงานตลอด พอมีตลาดเรียบร้อยเราก็เริ่มมาปรับเปลี่ยน มาขยับขยายการปลูกให้มีเยอะขึ้น ตอนนี้รวมๆ แล้วมีแปลงปลูกประมาณ 20-30 ไร่ เป็นของเราด้วยและญาติๆ รวมกัน ช่วยกันทำตลาดจนสามารถตัดใบขายได้ทุกวัน” คุณเสาวคนธ์ บอก
การปลูกตะไคร้เพื่อตัดใบแล้วนำมาตากแห้งจำหน่ายนั้น คุณเสาวคนธ์ บอกว่า ไม่ได้มีขั้นตอนที่ยุ่งยากและที่สำคัญลงทุนต้นพันธุ์เพียงครั้งเดียวสามารถตัดใบได้นานหลายปี โดยก่อนการปลูกจะไถพรวนพื้นที่ปลูกประมาณ 2 ครั้ง เพื่อให้ดินร่วนซุยเหมาะสมต่อการปลูก ซึ่งสายพันธุ์ที่นำมาปลูกจะเป็นตะไคร้สายพันธุ์เกษตรเขียว และตะไคร้สายพันธุ์เกษตรขาว นำมาปลูกให้มีระยะห่างระหว่างแถวอยู่ที่ 70 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างต้นอยู่ที่ 20 เซนติเมตร โดยหลังปลูกไปแล้วได้ 10 วัน ต้องหมั่นเข้ามาภายในแปลงเพื่อพรวนดินให้ในพื้นที่ปลูกไม่มีวัชพืชที่อาจติดเข้าไปกับการเก็บเกี่ยวได้
ดูแลรดน้ำพร้อมกับกำจัดวัชพืชไปเรื่อยๆ แบบนี้ประมาณ 3 เดือน ต้นตะไคร้ที่ปลูกทั้งหมดก็จะให้กอและใบที่สมบูรณ์ พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวใบในชุดแรกจำหน่ายได้ ซึ่งการดูแลตะไคร้หลักๆ ไม่มีอะไรมากเพียงดูแลรดน้ำและใส่ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ หรือจะเสริมด้วยปุ๋ยคอกที่หาได้จากในพื้นที่ ก็จะช่วยให้ต้นมีความสมบูรณ์ และออกใบที่เขียวสวยให้สามารถตัดได้ทุกๆ 20 วัน และที่สำคัญตะไคร้ไม่มีในเรื่องของแมลงศัตรูพืชเข้าทำลาย จึงทำให้ลดต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น
“การเกี่ยวใบตะไคร้ที่ออกสมบูรณ์ดีแล้ว เราก็จะใช้เครื่องเกี่ยว โดยเราจะเกี่ยวและนำมาตากแห้งให้เสร็จภายในวันเดียว หรือถ้ามีเวลาก็จะเก็บเต็มวันไปเลย 1 วัน จากนั้นนำใบที่ได้มาตั้งพักไว้ก่อน พอวันรุ่งขึ้นก็นำใบที่ตัดมาหั่นและตากประมาณ 1 วัน จากนั้นก็เก็บเตรียมส่งโรงงานได้ทันที ทำแบบนี้หมุนเวียนกันไป ซึ่งถ้าเรามีการจัดการพื้นที่ปลูกที่ดี เราก็จะสามารถตัดใบขายได้ทุกวัน มีรายได้เข้ามาทุกวัน” คุณเสาวคนธ์ บอก
สำหรับใบตะไคร้ที่ตัดนำมาตากแห้งนั้น ก่อนที่จะทำให้แห้งยังเป็นใบสดอยู่ น้ำหนักต่อไร่จะอยู่ที่ประมาณ 1-2 ตัน ต่อไร่ หลังจากที่หั่นและตากแห้งเป็นเวลา 1 วันแล้ว น้ำหนักจะลดลงมาเหลืออยู่ที่ 200-300 กิโลกรัม โดยราคาที่โรงงานรับซื้อก็จะแตกต่างกันไป
โดยตะไคร้ที่ผ่านการตากแห้งที่ยังมีสีใบที่เขียวอยู่จะจัดอยู่ในเกรดที่มีคุณภาพ ราคาใบตะไคร้ตากแห้งราคาอยู่ที่กิโลกรัม 15-19 บาท
โดยการทำใบตะไคร้ตัดใบอบแห้งเพื่อส่งโรงงานนั้น คุณเสาวคนธ์ บอกว่า ในช่วงแรกจะลงทุนในเรื่องของต้นพันธุ์และการเตรียมแปลงอย่างเดียว แต่เมื่อต้นตะไคร้โตเต็มที่และมีการดูแลใส่ปุ๋ยอยู่เสมอ ก็จะช่วยให้ต้นตะไคร้มีความสมบูรณ์และตัดใบได้ตลอดทั้งปี และทำให้เธอมีรายได้ที่เห็นได้ชัดเจนจากการทำตะไคร้ตัดใบ
“การทำตะไคร้ตัดใบอบแห้งนี้ ถ้าถามว่าเหนื่อยไหม มันก็มีความเหนื่อยเป็นเรื่องปกติของการทำงาน แต่พอเห็นจำนวนเงินที่ได้ มันก็ทำให้เราหายเหนื่อยได้ดี อย่างเรามีการแบ่งพื้นที่ปลูกประมาณ 20-30 ไร่ เราก็สามารถตัดทำเงินได้ทุกวัน อย่างวันหนึ่งตากแล้วได้วันละ 100 กิโลกรัม อย่าง 1 อาทิตย์ที่เราสะสมได้ประมาณ 800-1,000 กิโลกรัม เราก็ไปส่งเข้าโรงงาน ทำแบบนี้ไปก็ทำให้เรามีรายได้ทุกอาทิตย์ ถือว่ามีรายได้ที่ดีไม่น้อยเลย” คุณเสาวคนธ์ บอกสำหรับ
ท่านใดที่สนใจอยากจะทำตะไคร้ตัดใบอบแห้ง เพื่อจำหน่ายสร้างรายได้นั้น คุณเสาวคนธ์ แนะนำว่า ให้ศึกษาข้อมูลในหลายๆ ด้าน ทั้งเรื่องการตลาดและการปลูก หรือถ้ามีเวลาสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อไปเยี่ยมชมไร่ตะไคร้ของเธอได้ที่ บ้านเลขที่ 52/6 หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านไร่ อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก หรือหมายเลขโทรศัพท์ 097-959-8458
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ.2565