“อภัยภูเบศร” เผยข้อดีปลูกกัญชาระบบปิด

เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุข สนับสนุนนโยบายกัญชาเพื่อการแพทย์และกัญชงเพื่อเศรษฐกิจของรัฐบาล โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรในฐานะผู้ปฏิบัติงาน ได้ดำเนินเรื่องกัญชาอย่างถูกต้องตามกฎหมายและหลักวิชาการมาตั้งแต่พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นมา

โดยทั่วไปการปลูกกัญชา 1 ต้น จะได้ช่อดอกสดเป็นขั้นต่ำคือ ครึ่งกิโลกรัม คิดเป็นน้ำหนักกิโลกรัมแห้ง คิดเป็น 20% ได้ประมาณ 0.12 กิโลกรัม และได้ใบสด กิ่ง ก้าน ราก ใบ ประมาณ 2 กิโลกรัม หากปลูก 6 ต้น ได้ช่อดอกสด 3 กิโลกรัม คิดเป็นน้ำหนักกิโลกรัมแห้ง คิดเป็น 20% ได้ประมาณ 0.6 กิโลกรัม และได้ใบสด กิ่ง ก้าน ราก ใบ ประมาณ 2 กิโลกรัมต่อต้น (การประมาณการนี้ต้องเป็นต้นตัวเมียทั้ง 6 ต้น)

โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ทดลองปลูกกัญชาในตู้คอนเทนเนอร์พบว่า ตู้คอนเทนเนอร์มีขนาดเล็ก ดูแลจัดการยาก จึงเปลี่ยนมาปลูกกัญชาในห้องขนาดใหญ่ขึ้น สามารถวางระบบควบคุมการทำงานได้ดีขึ้น ปัจจุบันได้พัฒนาการปลูกในรูปแบบโรงเรือนระบบปิดขึ้นมาใหม่ โดยแบ่งเป็นตู้ผลิตกับตู้อนุบาล สามารถรองรับการทำงานต่างๆ ได้ดีขึ้น

ข้อดีของการปลูกระบบปิดคือ เหมาะกับสายพันธุ์ลูกผสม ต้นไม่สูงมาก ปลูกได้ 3-4 รอบต่อปี (สายพันธุ์ Chemdawg 16 ต้น ผลิตน้ำมันได้ประมาณ 4,700 กรัม) ใช้กระบวนการปลูกแบบ Aeroponics และ Deep water culture (DWC) ควบคุมสภาวะการปลูกได้ ทั้งกระแสลม ความชื้น แสง กันลม กันแมลง ได้ผลผลิตต่อต้นสูง คุณภาพดี มีความแน่นหนา ปลอดภัย แต่มีข้อจำกัดคือ ต้นทุนสูงกว่าการปลูกลงแปลงและระบบโรงเรือน

อ้างอิงข้อมูลจากเวทีเสวนาหัวข้อ ‘กัญชา’ ครบวงจรกับอภัยภูเบศร” โดย ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ในงานมหกรรมกัญชง กัญชา 360 องศา จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2564