ผู้เขียน | ปราณี แข็งแรง |
---|---|
เผยแพร่ |
ร.ต.อ. วิศิลป์ ทองฤทธิ์ หรือคนส่วนใหญ่เรียกว่า ครูศิลป์ อดีตครูใหญ่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) สันติราษฎร์ประชาบำรุง อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุราชการ หันมาปลูกพริกไทยพันธุ์ปะเหลียน ซึ่งเป็นพันธุ์พื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะที่โดดเด่นกว่าพริกไทยสายพันธุ์อื่นๆ ด้วยรสชาติที่เผ็ดร้อน มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว จึงทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นพืชที่ดูแลง่าย ทนทานต่อโรค ปลูกได้ทุกสภาพอากาศ ให้ผลผลิตเร็ว และสามารถเก็บได้ตลอดทั้งปี ที่สำคัญคือ มีราคาดี จึงถือเป็นพืชแซมในสวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน ที่สามารถสร้างรายได้อย่างดีอีกชนิดหนึ่ง
จุดเริ่มของตำนาน
ครูศิลป์ เล่าว่า ปี 2560 ได้เกษียณอายุราชการ โดยตนเองรับราชการครูในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนมากว่า 30 ปี จึงมีโอกาสไปศึกษาดูงานตามโครงการพระราชดำริทั่วประเทศ ทำให้รับความรู้ด้านการเกษตรมากมาย ประกอบกับในปีนั้น ประสบปัญหาราคายางพาราตกต่ำ จึงได้มีแนวคิดในการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกยางพาราที่อยู่ติดกับบ้าน จำนวน 2 ไร่ มาทำเกษตรแบบผสมผสาน ซึ่งภายในแปลงมีการปลูกพืชผักหลายชนิด พร้อมกับเริ่มต้นปลูกพริกไทยพันธุ์ปะเหลียน จำนวน 10 ค้าง
เมื่อพริกไทยเริ่มให้ผลผลิต เห็นว่าผลผลิตเมล็ดพริกไทยสดสามารถนำมาตากแห้ง เก็บไว้ได้นาน และขายได้ราคาสูง อีกทั้งยังต้องการอนุรักษ์พริกไทยพันธุ์ปะเหลียน เนื่องจากทางบ้านปลูกพริกไทยพันธุ์ปะเหลียนมาตั้งแต่รุ่นทวด ตนเองถือเป็นรุ่นที่ 3 อีกทั้งในอดีตพื้นที่อำเภอปะเหลียนมีการปลูกกันอย่างแพร่หลาย ช่วงหลังประสบปัญหาราคาตกต่ำ คนจึงหันไปปลูกพืชชนิดอื่น
ปี 2561 จึงปลูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน มีจำนวน 400 ค้าง และเริ่มมีคนมาขอซื้อต้นพันธุ์ไปปลูก ซึ่งช่วงแรก หากใครมาขอซื้อ ตนเองได้แจกไปคนละ 2 ต้น รวมแล้วประมาณ 100 คน ภายหลังมีคนสนใจปลูกเพิ่มมากขึ้น จึงมีการเพาะขยายต้นพันธุ์พริกไทยพันธุ์ปะเหลียนเพื่อจำหน่าย อีกทั้งต้องการสืบสานให้พริกไทยพันธุ์ปะเหลียนอยู่คู่กับอำเภอปะเหลียนตลอดไป โดยปัจจุบันพริกไทยพันธุ์ปะเหลียน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญาเรียบร้อยแล้ว
ปัจจุบัน ครูศิลป์ถือว่าเป็นเกษตรกรต้นแบบที่ประสบความสำเร็จในเรื่องการปลูกพริกไทยพันธุ์ปะเหลียน โดยมีรายได้เสริมจากการปลูกพริกไทย ไม่ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือน
วิธีปลูกพริกไทยพันธุ์ปะเหลียน
ครูศิลป์ กล่าวว่า พริกไทยสามารถปลูกได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบใช้เสาแท่งปูนให้ยึดเกาะ ระยะปลูก 2×2 เมตร หรือต้นไม้อื่นที่ระบบรากพริกไทยสามารถยึดเกาะหาอาหารได้ดี หรือไม้เนื้อแข็งที่มีแก่นไม้แข็งแรงที่สามารถกันการทำลายของปลวกหรือแมลงอื่นๆ
การให้น้ำเลือกระบบน้ำตามสภาพแวดล้อมที่ให้พริกไทยได้รับน้ำอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอทั่วทั้งแปลง ให้น้ำแบบใช้มินิสปริงเกลอร์หรือระบบน้ำหยดเป็นวิธีที่ประหยัดน้ำและสะดวก หลังปลูกควรรดน้ำทุกวัน หรือวันเว้นวัน เมื่อพริกไทยตั้งตัวได้ ลดเหลือ 2-3 วันต่อครั้ง พริกไทยที่ให้ผลผลิตแล้วควรให้ 3-4 วันต่อครั้ง ตามสภาพดินฟ้าอากาศ ควรระวังไม่ให้แปลงชื้นแฉะมากเกินไปจะทำให้รากเน่าหรือเป็นเชื้อราได้
การให้ปุ๋ย แนะนำให้ใส่สูตร 15-15-15 หรือ 12-12-17+2Mg อัตรา 400-500 กรัมต่อค้าง แบ่งใส่ 2-3 ครั้งต่อปี หรือใส่ปุ๋ยคอกปุ๋ยหมักจะเติมเดือนละครั้ง จะใช้เวลาปลูกประมาณ 1 ปี ก็เริ่มให้ผลผลิตและเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ซึ่งผลผลิตจากพริกไทยสด 4 กิโลกรัม เมื่อนำมาตากแห้งจะได้พริกไทยดำประมาณ 1 กิโลกรัม
ถ่ายทอดความรู้แก่ผู้สนใจทั่วไป
ครูศิลป์ กล่าวทิ้งท้ายว่า มีความภูมิใจที่ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสานการปลูกพริกไทยพันธุ์ปะเหลียนให้คงอยู่คู่กับชาวปะเหลียน โดยมีการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรมาใช้ ปัจจุบันได้เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียง และเป็นศูนย์อนุรักษ์พริกไทยพันธุ์ปะเหลียนให้เกษตรกรและผู้สนใจทั่วไปเข้าชม ศึกษาดูงาน และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ได้ นอกจากนี้ สำนักงานเกษตรอำเภอปะเหลียน ได้คัดเลือกเป็นศูนย์เรียนรู้ให้แก่บุคคลทั่วไปและเกษตรกรที่สนใจเข้ามาเยี่ยมชม และศึกษาดูงาน โดยมี ร.ต.อ. วิศิลป์ เป็นเกษตรกรต้นแบบและวิทยากรประจำศูนย์
ผลิตภัณฑ์และช่องทางการติดต่อ
- 1. พริกไทยพันธุ์ปะเหลียน (พริกดำ) ราคากิโลกรัมละ 500 บาท
- 2. พริกไทยบด (พริกขาว) ราคากิโลกรัมละ 1,200 บาท
- 3. ชาพริกไทย ราคากล่องละ 300 บาท มีทั้งหมด 30 ซอง
- 4. ต้นพันธุ์พริกไทย มี 2 ขนาด คือ ขนาดความสูงไม่เกิน 35 เซนติเมตร ราคาต้นละ 50 บาท และขนาดความสูง 50 เซนติเมตรขึ้นไป ราคาต้นละ 100 บาท
ท่านที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ ร.ต.อ. วิศิลป์ ทองฤทธิ์ โทรศัพท์ 084-847-3132 และ 080-876-3845 หรือเฟซบุ๊ก : ศิลป์ ทองฤทธิ์