ไร่ครูลออไทรโยค ปลูกมะขามป้อม ด้วยวิธีเสริมราก เติบโตไว ต้นเตี้ย ทนแล้ง ผลใหญ่ ออกลูกดกทั้งปี

ครูละออ ดอกเรียง อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ได้หันมาทำเกษตรก่อนเกษียณ โดยปลูก “มะขามป้อม” เป็นพืชพื้นบ้านที่หลายคนมองข้ามนั้น นับเป็นพืชทำเงินที่โกยรายได้หลักแสนต่อปีทีเดียว

ปลูกมะขามป้อมหลายสายพันธุ์

ครูลออได้รวบรวมกิ่งพันธุ์มะขามป้อมยักษ์หลากหลายสายพันธุ์ที่มีคุณสมบัติโดดเด่น และตอบโจทย์ตลาด ในเรื่อง ลูกดก ต้นเตี้ย ทนแล้ง ออกลูกทั้งปี มาปลูกบนเนื้อที่ 4 ไร่ ได้แก่

1. พันธุ์ท้อพวงองุ่น (พันธุ์ท้อยักษ์จัมโบ้, ท้อมหากาฬ) ลำต้นสูงปานกลาง ลักษณะผลเหมือนลูกท้อ ผิวสวยใส ลูกมีขนาดใหญ่ เนื้อฉ่ำ ให้ผลดกคล้ายพวงองุ่น

2. พันธุ์แม่ลูกดก เป็นไม้กึ่งเตี้ยกึ่งสูง ที่ให้ผลดกมาก ขนาดผลใหญ่ประมาณเหรียญ 10 บาท

มะขามป้อมยักษ์พันธุ์ท้อพวงองุ่น
มะขามป้อมพันธุ์แป้นพัชชา

3. พันธุ์แป้นพัชชา (พันธุ์แป้นเตี้ย) เป็นมะขามป้อมสายพันธุ์ไทย กิ่งใหญ่แข็งแรง ต้นเตี้ย ลำต้นสูงไม่เกิน 1.5-2 เมตร แผ่ขยายไปในแนวกว้าง หากปลูกในระยะห่าง 5×5 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ จะปลูกได้ 64 ต้น พันธุ์แป้นพัชชาจะเริ่มให้ผลผลิตในปีที่ 2-3 โดยปีที่ 3 จะให้ผลผลิต ประมาณ 50-100 กิโลกรัม หากดูแลจัดการแปลงที่ดีจะได้ผลใหญ่ขนาดเท่าฝาแบรนด์เลยทีเดียว

4. พันธุ์ท้อยักษ์ไทรโยค ลักษณะผลก้นมีจะงอย คล้ายผลลูกท้อผิวสวยใส ลำต้นสูง 2-3 เมตร ขนาดผลใหญ่เท่ากับมะขามป้อมสายพันธุ์อินเดีย เฉลี่ยประมาณ 25-30 ผลต่อกิโลกรัม ออกลูกดกทั้งปี ปลูกดูแลง่าย ทนอากาศแล้งได้ดี ใช้เวลาปลูก 2-3 ปี เก็บผลผลิตออกขายได้แล้ว มะขามป้อมสามารถปลูกได้ทุกสภาพดินทั่วประเทศ แต่ดินที่ให้ผลผลิตได้ดีคือดินร่วนปนทราย ดินลูกรัง

5. มะขามป้อมพันธุ์บางเบิด สถาบันค้นคว้าและพัฒนาระบบนิเวศเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้จัดทำแปลงรวบรวมสายพันธุ์มะขามป้อมจากแหล่งธรรมชาติต่างๆ เช่น กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ บุรีรัมย์ ฯลฯ ณ สถานีวิจัยสิทธิพรกฤดากร บ้านบางเบิด เพื่อคัดเลือกมะขามป้อมที่มีวิตามินซีสูง ใช้ในอุตสาหกรรมมะขามป้อมครบวงจร

ดอกมะขามป้อม

มะขามป้อมยักษ์ ปลูกดูแลง่าย

ครูละออ บอกว่า มะขามป้อมเป็นไม้ผลที่ปลูกดูแลง่าย ทนแล้งได้ดี ควรปลูกในดินที่มีส่วนผสมของขี้ไก่ แกลบดิน แกลบดำ และดินในอัตราส่วน 1 : 1 : 1 : 2 ปลูกโดยขุดหลุมลึกประมาณ 50×50 เซนติเมตร เทปุ๋ยขี้ไก่หรือขี้วัวรองก้นหลุมประมาณ 1 กิโลกรัม เติมน้ำลงให้ท่วมหมักไว้ประมาณ 10 วัน เพื่อให้เกิดการย่อยสลาย คลายความร้อน เติมหน้าดินลงไปเล็กน้อย จึงค่อยนำต้นพันธุ์ที่เตรียมไว้ลงปลูก ปักไม้พยุงต้น เมื่อต้นมะขามป้อมที่ปลูกมีความสูงระดับหัวเข่า ให้ตัดยอดทันทีเพื่อให้แตกกิ่งออกด้านข้างเป็นทรงพุ่ม วิธีนี้จะช่วยบังคับให้ต้นเตี้ย ง่ายต่อการดูแลรักษาและเก็บผลผลิต

การปลูกในปีแรก ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ทุกๆ 2-3 วันต่อครั้ง เมื่อย่างเข้าปีที่ 2 หลังหมดฤดูฝน ควรงดให้น้ำเพื่อกระตุ้นให้ต้นมะขามป้อมยักษ์เกิดการสะสมอาหารที่กิ่ง ตาดอก และปล่อยให้ต้นสลัดใบทิ้ง เพื่อจำศีลในช่วงฤดูแล้ง เมื่อฝนตกจะกระตุ้นให้ต้นแตกใบ ออกดอก และติดลูกดี

หลังปลูก ควรให้ปุ๋ยเคมีสูตร 25-7-7 จำนวน 1 ช้อนชา โรยรอบทรงพุ่ม ทุกๆ 7 วันต่อครั้ง พร้อมใส่ปุ๋ยสูตรเสมอและขี้ไก่ทุก 14 วันต่อครั้ง และโรยปุ๋ยขี้ไก่พร้อมแกลบรอบทรงพุ่มประมาณ 1 กระสอบ และฉีดพ่นปุ๋ยน้ำทางใบ เพื่อเร่งต้นโต ผลโต สะสมตาดอกอีกทางหนึ่ง

แนะนำ 2 เทคนิค ปลูกมะขามป้อมแบบเสริมราก

ครูลออมีเทคนิคการปลูกแบบเสริมราก 2 วิธี ดังนี้

เทคนิคแรก ใช้วิธีการเสียบยอด โดยเลือกต้นพันธุ์ดี มีตุ่มตากำลังแตก มาลิดใบทิ้งเพื่อลดการคายน้ำ จากนั้นตัดกิ่งพันธุ์ให้เหลือความยาวประมาณ 3-4 นิ้ว ทาปูนแดงที่ปลายกิ่งด้านหนึ่งเพื่อป้องกันเชื้อรา ส่วนอีกด้านเหลาให้เป็นลิ่ม ระหว่างนี้ห้ามให้นิ้วมือสัมผัสกับรอยแผล

จากนั้นนำต้นพันธุ์ป่ามาตัดยอดและผ่าลำต้น นำลิ่มกิ่งพันธุ์ดีเสียบเป็นยอด สวมกันให้พอดี แล้วใช้ผ้าเทปพันปิดแผลไว้ไม่ให้น้ำเข้า ก่อนนำถุงพลาสติกมาครอบและมัดปากถุงไว้ ประมาณ 2 สัปดาห์ ต้นพันธุ์จะเริ่มแตกยอดอ่อน รอจนกว่าต้นจะแตกใบจริงแล้วจึงค่อยถอดถุงพลาสติกออก โดยข้อควรระวังคือระหว่างกางถุงพลาสติกห้ามใช้มือเข้าไปคลีถุงด้านใน แต่ควรใช้วิธีสะบัดเพื่อป้องกันไม่ให้กิ่งพันธุ์ติดเชื้อ

เทคนิคการเสริมรากช่วยให้ต้นโตไว ให้ผลดก ขนาดไซซ์ยักษ์

เทคนิคที่ 2 ใช้วิธีการทาบกิ่งหรือแนบกิ่ง นำต้นเพาะเมล็ดมะขามป้อมพันธุ์ป่า ลงปลูกเคียงกับต้นพันธุ์ดี กะระยะให้ต้นพันธุ์ป่าสามารถโน้มหาต้นพันธุ์ดีได้พอเหมาะ จึงใช้มีดปาดสร้างแผลต้นพันธุ์ป่าและต้นพันธุ์ดี โดยแผลของต้นพันธุ์ดีควรมีความลึกแค่ถึงเนื้อไม้ ความยาวประมาณ 2-3 นิ้ว เพื่อให้แผลมีพื้นที่ในสัมผัสกันได้มากขึ้น หลังจากนั้นใช้ผ้าเทปพันปิดแผลไว้ ประมาณ 45-60 วัน เมื่อแผลติดกันแล้ว จึงค่อยแกะผ้าเทปออก ช่วงแรกที่เปิดแผล ควรใช้เชือกหรือผ้าเทปคล้องทั้ง 2 ต้น ไว้ด้วยกันก่อนเพื่อกันแผลฉีกขาดหรือต้นดีดออกจากกันเพราะแรงลม รอจนครบ 60 วัน เมื่อแผลสมานกันเป็นเนื้อเดียวแล้ว จึงค่อยแกะเชือกออกจากกัน

ครูละออ บอกว่า เทคนิคการปลูกแบบเสริมราก มีข้อดีหลายด้าน อย่างแรกคือ การเสริมรากช่วยค้ำยันลำต้นไม่ให้ล้มง่าย เมื่อลำต้นมีรากเยอะก็หาอาหารได้มากขึ้น ทำให้ต้นเจริญเติบโตไว แข็งแรง ทนทานต่อสภาพอากาศร้อน ลำต้นใหญ่ สามารถเลี้ยงลูกได้ดีไม่มีปัญหาเรื่องผลร่วง ผลมะขามป้อมมีขนาดใหญ่กว่าปกติ โดยต้นมะขามป้อมให้ผลผลิตมากเฉลี่ยต้นละ 70-100 กิโลกรัม ขายได้กิโลกรัมละ 80 บาท สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ

ปลูกแบบเสริมราก

ทุกวันนี้ ครูลออผลิตกิ่งพันธุ์พืชแบบเสริมรากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น มะตูมนิ่ม มะตูมยักษ์ มะขามเปรี้ยวยักษ์ มะขามป้อมยักษ์ และมะกรูดเสริมราก ออกจำหน่าย ก็ได้รับความสนใจจากเกษตรกรทั่วไปอย่างกว้างขวาง เนื่องจากกิ่งพันธุ์เทคนิคเสริมรากเหล่านี้ เติบโตไว แข็งแรง และให้ผลผลิตที่ดี ยกตัวอย่างเช่น มะขามป้อมยักษ์เสริมราก เมื่อนำไปปลูกในปีแรก ต้นมะขามป้อมยักษ์จะมีขนาดใหญ่กว่าปกติหลายเท่า ยิ่งปลูกแบบเสริม 10 ราก แค่ปลูกในระยะเวลาเพียง 2 ปี ลำต้นมะขามป้อมยักษ์จะมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3-4 เมตรกันเลยทีเดียว

หากใครสนใจเทคนิคเสริมรากต้นมะขามป้อมยักษ์ สูตรครูลออ ก็ทำตามได้ไม่ยาก เริ่มจากเตรียมต้นพันธุ์มะขามป้อมป่า ตามจำนวนที่ต้องการเสริมราก หลังจากนั้นให้นำต้นพันธุ์ปลูกลงดินพร้อมกับต้นพันธุ์ดีที่ต้องการปลูก 1 ต้น หลังปลูก 1 เดือน ให้นำพันธุ์ต้นป่าที่สมบูรณ์ 1 ต้น มาเสริมรากให้ต้นพันธุ์ดี ทั้งนี้เกษตรกรสามารถเพิ่มจำนวนรากได้ตามที่ต้องการ แต่ควรเว้นระยะห่างในการเสริมรากแต่ละครั้งประมาณ 1 เดือน หากมีข้อสงสัยประการใด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ไร่ครูละออ เลขที่ 14/2 หมู่ที่ 4 ตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เบอร์โทร. 081-756-0939  หรือติดตามข้อมูลได้ทางเฟซบุ๊ก : “ไร่มะขามป้อมครูละออ”

กิ่งพันธุ์มะขามป้อมเสริมราก
ต้นมะขามป้อมเสริมราก