ARMS TO FARMS วางอาวุธ มาปลูกผักกัน

ฟิลิปปินส์ ที่ไม่ไกลจากเรา เหมือนจะเป็นประเทศชายหาดท้องฟ้าแสนสวย ดนตรีบรรเลงยั่วเย้าให้ครึกครื้นตลอดเวลา

แต่ที่จริงฟิลิปปินส์จมอยู่กับความขัดแย้งและสงครามยาวนาน มีกองกำลังติดอาวุธของชนกลุ่มน้อยกระจายอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ บางพื้นที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนเคลื่อนไหวเปิดเผยและยึดครองพื้นที่โดยที่รัฐบาลไม่อาจต้านทานได้ ข่าวการสู้รบ การจับตัวประกันเรียกค่าไถ่เป็นเรื่องปกติ บางพื้นที่จะเป็นพื้นที่ปิดสำหรับคนต่างชาติ เพราะเสี่ยงเกินไป

Kauswagan เมืองทางตอนเหนือของเกาะมินดาเนาก็เช่นกัน

เมืองที่มีประชากรไม่ถึงสามหมื่นคน พื้นที่ 63 ตารางกิโลเมตร เท่ากับเขตมีนบุรีของกรุงเทพฯ จมอยู่ในสงครามกลางเมืองยาวนานหลายทศวรรษ และร้อนแรงถึงขีดสุดเมื่อราวคริสต์ทศวรรษ 1970 หรือเมื่อ 30 ปีก่อน ความขัดแย้งปะทุระหว่างชาวคริสเตียน มุสลิม และกองกำลังของรัฐ กองกำลังโมโรที่เราเคยได้ยินชื่อเสียงบ่อยก็มีฐานกำลังที่นี่ยาวนานและมีประวัติในการต่อสู้อย่างแข็งกร้าวกับรัฐ การปฏิบัติอย่างเหี้ยมโหดต่อตัวประกัน

Kauswagan ก็เหมือนอีกมากมายหลายเมืองของฟิลิปปินส์ คือเป็นแหล่งผลิตมะพร้าว ข้าว และปลา แต่ล้วนดำเนินไปแบบดั้งเดิม ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ชาวบ้านยากจน มีสงครามซ้ำเติมให้ชีวิตเหมือนตกนรกหมกไหม้ยาวนาน

Rommel Arnado เป็นคนฟิลิปปินส์ รากเหง้าจาก Kauswagan แต่ไปเติบโตในสหรัฐอเมริกา มีสัญชาติอเมริกัน แต่สละสัญชาติเพื่อลงเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี เมือง Kauswagan เขาได้รับเลือกตั้ง แต่ถูกศาลตัดสินว่าขาดคุณสมบัติในการเป็นนายกเทศมนตรี เพราะไม่ได้มีสัญชาติฟิลิปปินส์ แต่ต่อสู้จนได้รับตำแหน่งกลับคืน เป็นคนติดดิน รับฟังปัญหาของชาวบ้าน และพยายามหาทางแก้ไข ซึ่งเป็นลักษณะของผู้ปกครองที่มาจากการเลือกตั้ง คือไม่ฟังก็อย่าหวังจะได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามา

Rommel Arnado

เห็นบ้านเมืองตนเองย่อยยับเพราะสงคราม Rommel Arnado แก้ปัญหาแบบตาบอดคลำช้างอยู่พักใหญ่ ก่อนตกผลึกว่าที่แท้แล้วต้นตอของปัญหาอยูที่ไหน

“มันคือ ความยากจนและหิวโหยน่ะคุณ ไม่ใช่อุดมการณ์ หรืออะไรที่ไหนทั้งสิ้น ไอ้ที่ยกมาสู้กันน่ะคำอ้างทั้งนั้น”

Rommel Arnado พยายามอย่างยิ่งที่จะยุติความขัดแย้งยาวนาน และสร้างชีวิตที่ดี ฟื้นคืนชีวิตสงบสุขดูแลตัวเองได้ ให้แก่ชาวบ้านที่เผชิญความโหดร้ายของสงครามกลางเมืองมายาวนาน

ที่สุดเขาเสนอแนวคิด “วางอาวุธกลับสู่ผืนนา” หรือ ARMS TO FARMS

มันเริ่มง่ายๆ คือ ขอร้องให้ทุกฝ่ายวางอาวุธ แล้วมาทำมาหากินกันอย่างจริงจัง โดยเอาการเกษตรเป็นหลัก

แต่ Rommel Arnado ก้าวไปอีกขั้น เขาจะแก้ปัญหาความยากจน ความขัดแย้ง ด้วยการเกษตรแบบเดิมไม่ได้ ต้องด้วยหนทางใหม่ที่ดีพอ มีประสิทธิภาพพอ ไม่เช่นนั้นความยากจนที่เกาะกินมานานจะไม่มีทางหลีกหนีไปไหน

เขาประกาศให้เมือง Kauswagan ทำเกษตรอินทรีย์เข้มข้นร้อยเปอร์เซ็นต์ ห้ามใช้หรือปลูกพืชตัดต่อพันธุกรรม ห้ามใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยสังเคราะห์ หรืออะไรก็ตาม ที่จะมาทำลายสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน

ที่ว่าเข้มข้นนั้น หมายถึงถึงขั้นออกกฎหมายห้ามการใช้พืชตัดต่อพันธุกรรม และใช้สารเคมีในการเกษตร ใครใช้ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย มีโทษถึงจำคุก

“เราสนับสนุนเงินทุน ต้นพันธุ์ เครื่องไม้เครื่องมือ รถแทรคเตอร์ สนับสนุนด้านการตลาด ขออย่างเดียวคุณต้องปลูกพืชอินทรีย์ เราอยากให้เขาวางอาวุธมาทำการเกษตรกัน เมื่อเห็นตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จ พวกเขาก็รู้สึกว่าการสู้รบกันด้วยอาวุธน่าจะไม่ทรงพลังเท่ากับการแข่งขันกันสร้างชีวิตให้ดีกว่า” นายกเทศมนตรีบอก

เขาเริ่มงานอย่างจริงจัง ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 2010 และเริ่มเห็นผลใน ปี ค.ศ. 2013 กลุ่มติดอาวุธหลายกลุ่มวางอาวุธ และเข้าร่วมโครงการ เสียงลือของความสำเร็จ ของความกินดีอยู่ดีกระพือไป ตีกระแสโฆษณาชวนเชื่อให้เข้าทำศึกสงครามที่เคยเขย่าขวัญชาวบ้านมานมนานเสียสิ้น ตัวเลขรายได้ของประชาชนพุ่งขึ้นมาต่อตีกับเสียงกระสุนปืน จนที่สุดได้รับชัยชนะ

“คนอยากทำมาหากิน มีชีวิตที่มีความสุข มากกว่าทำสงครามเข่นฆ่า แม้ความขัดแย้งจะยังดำรงอยู่ แต่คนเห็นความสำคัญในการดำรงชีวิตอย่างสันติมากกว่าจะพยายามตะโกนร้องหาสิ่งทดแทนความโกรธเกรี้ยวในอดีต”

Rommel Arnado หวังว่า แทนการฆ่าฟันกันอย่างไร้ทางออก ดึงเอาแผ่นดินทั้งแผ่นให้จมลงไปในกองเพลิงที่ไม่มีวันดับมอด

พวกเขาจะหันหน้าหาสิ่งที่ดีกว่า ยั่งยืนกว่า จับต้องได้กว่า

เมื่อไม่นานนี้เอง เมืองกว่า 100 เมือง ทั่วฟิลิปปินส์ จับมือลงนามในสัญญา ว่าจะใช้แนวทางของ Kauswagan นี้ไปปฏิบัติในเมืองของตน คือห้ามการปลูกพืชตัดต่อพันธุกรรม และห้ามการใช้สารเคมีในการเกษตรที่เมืองของตน มีโทษถึงจำคุก

พวกเขาลงนามตั้งสมาพันธ์เมืองเกษตรอินทรีย์ หรือ League of Organic Agriculture Municapalities and Cities หรือ LOAMC เป็นการลงนามครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศนี้

รูปแบบ ARMS TO FARMS ยังเป็นตัวอย่างที่หลายประเทศ อย่าง อินเดีย เนปาล คาซัคสถาน และกัวเตมาลา นำไปใช้อย่างขะมักเขม้นในขณะนี้

Rommel Arnado ได้รับความนิยมล้นหลามจากคนยากจน ขณะเดียวกันก็มีนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจสำหรับคนชั้นกลาง การที่เขานำความสงบกลับมารับประกันความนิยมในตัวเขา

หากไม่มีอะไรรุนแรงเกินคาดหมาย (ซึ่งในฟิลิปปินส์ก็ช่างมีบ่อยเหลือเกิน) หนุ่มคนนี้จะเป็นนายกเทศมนตรีของเมืองนี้ไปอีกนาน