กล้วยหอมทอง “สวนศิวิไล” งานเด่น ของ ศิริลักษณ์ วงศ์แพทย์ ที่ปากช่อง ปลูกแค่ 9 เดือน ก็เก็บขายได้

กล้วยหอม เป็นชื่อของผลไม้เมืองร้อน ที่จัดอยู่ในกลุ่มไม้ล้มลุก มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียตอนใต้

ด้วยรสชาติหวาน กลิ่นหอม อันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งยังมีขั้นตอนการดูแลที่ง่าย สามารถปลูกได้ในแทบทุกภาคของประเทศ ทำให้เป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยพันธุ์ที่นิยมปลูกกัน คือ “กล้วยหอมทอง” และ “กล้วยหอมเขียว”

นอกจากกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว กล้วยหอมยังอุดมไปด้วยเส้นใย วิตามิน รวมถึงแร่ธาตุหลายชนิด มีส่วนช่วยลดอาการท้องผูก รักษาโรคความดันโลหิตสูง โรคโลหิตจาง ช่วยรักษาแผลในลำไส้เรื้อรัง ทั้งยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระและโปรตีนที่ช่วยในการผลิตสาร Serotonin หรือฮอร์โมนความสุข ซึ่งเป็นส่วนช่วยรักษาอาการซึมเศร้าได้อีกด้วย

คุณศิริลักษณ์ วงศ์แพทย์ เจ้าของสวนกล้วยหอมทองศิวิไลซ์ และ คุณเสวก ดวงแย้ม เกษตรกรผู้ดูแลสวนศิวิไล ที่บ้านเลขที่ 497 หมู่ที่ 5 บ้านปางแจ้ง ตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง เป็นอีกหนึ่งเกษตรกรที่ปลูกกล้วยหอมทองอย่างได้ผล โดยเน้นการปลูกและขายพันธุ์เพื่อส่งขาย

ถือเป็นอาชีพที่สร้างทั้งความสุขและรายได้

 

สวนกล้วยหอมทองศิวิไล จากความชอบสู่อาชีพ

คุณศิริลักษณ์ เล่าถึงการเริ่มทำสวนว่า ก่อนที่จะมาทำสวนกล้วยหอมทองที่อำเภอปากช่องนั้น เริ่มต้นจากที่ตนเองมีความชื่นชอบและความสนใจเกี่ยวกับกล้วยหอมอยู่เป็นทุนเดิม ทั้งยังมีโอกาสได้เข้าร่วมฟังการสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับกล้วยหอม ประกอบกับทางบ้านเองก็มีพื้นที่สำหรับทำสวนด้วย จึงได้หันมาให้ความสนใจและศึกษาเกี่ยวกับการทำสวนอย่างจริงจัง ส่วนเหตุผลที่เลือกปลูกกล้วยหอมทองนั้น เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากทั้งคนไทยและต่างชาติ

นอกจากนี้ คุณศิริลักษณ์ มองว่า การทำสวนกล้วยหอมทองที่อำเภอปากช่องนั้น ก็เปรียบเหมือนอาชีพเสริมที่สามารถสร้างทั้งรายได้และความสุขให้แก่ตนเอง เนื่องจากในปัจจุบันก็ยังคงทำงานที่บริษัทควบคู่ไปกับการดูแลสวนด้วย ทำให้หน้าที่การดูแลและขยายพันธุ์กล้วยหอมทองภายในสวนศิวิไลจึงเป็นหน้าที่ของลุงเสวก อีกหนึ่งเกษตรกรที่เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่คร่ำหวอดในวงการกล้วยหอมทองคนหนึ่งของไทยเลยทีเดียว

จากสวนกล้วยน้ำว้า สู่เกษตรกรสวนกล้วยหอมทอง

ลุงเสวก เล่าว่า ก่อนที่จะเข้ามาดูแลกล้วยหอมทองของสวนศิวิไลนั้น เดิมทีเคยทำสวนกล้วยน้ำว้าอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี ต่อมาเริ่มหันมาสนใจเกี่ยวกับการปลูกกล้วยหอมทอง จึงได้ศึกษาและเริ่มต้นทำสวนอย่างจริงจัง ถึงแม้ว่าในช่วงแรกจะประสบปัญหาและอุปสรรคบ้าง แต่เพราะความตั้งใจและความทุ่มเท ทำให้การทำสวนกล้วยหอมทองนั้นประสบความเร็จและได้รับผลตอบแทนเป็นอย่างดี

อย่างที่ทราบดีว่า ในอำเภอปากช่อง ผลไม้ที่ได้รับความนิยมและปลูกกันอย่างแพร่หลายนั้นส่วนใหญ่จะเป็นน้อยหน่า แก้วมังกร ฝรั่ง ทำให้สวนศิวิไลเป็นที่แรกที่นำกล้วยหอมทองเข้ามาปลูกในพื้นที่

เจ้าของปลูกกล้วย 40 ไร่ โดยพื้นที่ทั้งหมดมี 125 ไร่

“เหตุผลที่เลือกเข้ามาดูแลกล้วยหอมสวนศิวิไล ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากจะเข้ามาช่วยหลาน ที่รักในการทำสวนกล้วยหอมทอง ประกอบกับตนเองก็มีความรู้และประสบการณ์ในการทำสวนกล้วยหอมมากว่า 5 ปี จึงเชื่อว่าจะสามารถดูแลและพัฒนาผลผลิตของสวนให้เป็นที่ต้องการของตลาดได้ ซึ่งขนาดกล้วยของสวนจะหนัก 3-4 กิโลกรัม ต่อหวี นอกจากนี้ ยังได้มีการแบ่งสัดส่วนของสวนที่มีพื้นที่กว่า 125 ไร่ เอาไว้สำหรับทั้งขยายพันธุ์กล้วย ควบคู่ไปกับการปลูกผลไม้ อาทิ มะพร้าวน้ำหอม ทุเรียนจากจังหวัดสมุทรสงคราม รวมถึงลิ้นจี่จากอัมพวา เอาไว้สำหรับขายเพิ่มเติมด้วย” ลุงเสวก บอก

 

ปลูกเว้นระยะ 2x2 เมตร ดูแล-กำจัดวัชพืชง่าย

ก่อนที่จะแนะนำถึงการปลูกและการดูแลกล้วยหอมทองของสวนศิวิไล คงต้องเกริ่นก่อนว่าการขยายพันธุ์กล้วยหอมทองที่นี่ใช้ส่วนของหน่อ

“ที่สวน จะปลูกไร่ละ 400 ต้น ต้องเว้นระยะห่างต้นประมาณ 2×2 เมตร เพื่อให้สะดวกต่อการดูแลและกำจัดวัชพืชอีกด้วย ซึ่งเรื่องของศัตรูพืชหรือแมลงนั้นก็มีพบบ้าง แต่ที่สวนมีการทำสารชีวภาพสำหรับกำจัดแมลงขึ้นใช้เอง จึงไม่ถือว่าเป็นปัญหามากนัก” ลุงเสวก บอก

ที่สวนศิวิไล มีสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ “การค้ำกล้วย” ซึ่งการค้ำนั้นจะช่วยป้องกันปัญหาเรื่องความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับต้นกล้วยได้ เนื่องจากเมื่อกล้วยออกเครือแล้วจะมีน้ำหนักกว่า 20 กิโลกรัมเลยทีเดียว นอกจากนี้ ที่สวนยังมีปัญหาเรื่องของลมอีกด้วย การค้ำกล้วยจึงถือเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ส่วนขั้นตอนการค้ำที่ถูกต้องนั้น จะต้องค้ำบริเวณเครือกล้วย และต้องวางให้เครือกับไม้อยู่ติดกันพอดี ก่อนมัดให้แน่นเพื่อประคองและรับน้ำหนักของเครือกล้วย

 

การให้ปุ๋ย-ระบบน้ำ 2 สิ่งสำคัญ ในการดูแลกล้วยหอมทอง

นอกจากระยะห่างระหว่างต้นในการปลูกหรือการค้ำแล้ว การใช้ปุ๋ยและระบบการให้น้ำก็ถือเป็นสิ่งสำคัญมากในการปลูกและดูแลต้นกล้วยหอมทองเช่นกัน โดยที่สวนจะใช้วิธีการให้ปุ๋ยแบบฝังกลบ

วิธีการให้ปุ๋ยแบบฝังกลบต้องเริ่มจากการขุดหลุมลึกประมาณ 3 เซนติเมตร โดยจะต้องขุดให้ห่างจากโคนต้นประมาณ 1 ศอก แล้วจึงนำปุ๋ยฝังลงในหลุมก่อนจะเอาดินกลบ ข้อดีของการให้ปุ๋ยด้วยวิธีการฝังกลบนั้น จะช่วยให้กล้วยสามารถดูดซึมสารอาหารได้นานกว่า 1 เดือน ในขณะที่การให้ปุ๋ยด้วยวิธีการโรยหรือหว่านจะทำให้กล้วยสามารถดูดซึมได้เพียงแค่ 7 วัน เท่านั้น

“สำหรับการให้ปุ๋ยที่สวนจะให้เดือนละเพียง 1 ครั้ง เท่านั้น ครั้งแรกจะใช้เป็น สูตร 25-7-7 + ยูเรีย โดยจะต้องผสมให้เข้ากันก่อนจึงจะสามารถนำมาใช้ได้ ซึ่งปุ๋ยสูตรนี้จะใช้เป็นเวลาประมาณ 3 เดือน เพราะเมื่อเข้าสู่เดือนที่ 4 ก็จะเปลี่ยนไปใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ 16-16-16 แทน เพื่อให้ผลผลิตที่ออกมามีรสชาติหวานมันและมีขนาดที่ได้มาตรฐานของทางสวน ส่วนระบบการให้น้ำที่สวนจะใช้ระบบสปริงเกลอร์ โดยการรดน้ำ จะรดประมาณ 2-3 ครั้ง ต่อสัปดาห์ ซึ่งหากเป็นช่วงหน้าร้อนก็จะต้องปรับระยะเวลาและความถี่ในการรดน้ำให้เหมาะสม เนื่องจากกล้วยหอมทองเป็นผลไม้ที่ต้องอาศัยการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้น การให้น้ำในปริมาณที่เหมาะสมจึงเป็นที่เรื่องสำคัญมากอย่างหนึ่ง” ลุงเสวก อธิบาย

แต่เนื่องจากที่สวนมีพื้นที่ 125 ไร่ ทำให้ต้องมีการขุดบ่อน้ำบาดาลและปล่อยน้ำลงสระก่อนแล้วจึงนำปั๊มสูบขึ้นมาใช้ สำหรับหัวสปริงเกลอร์ที่ใช้เป็นหัวธรรมดาที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป ตัวปั๊มที่ใช้จะอยู่ที่ประมาณ 2 แรง ซึ่งตามปกติแล้วโดยทั่วไปจะสามารถเปิดพร้อมกันได้เพียง 50 หัว เท่านั้น แต่ที่สวนได้มีการประดิษฐ์ตัวดันลมขึ้นใช้เอง ทำให้สามารถเปิดหัวสปริงเกลอร์ใช้ได้พร้อมกันถึง 250 หัวเลยทีเดียว โดยอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำตัวดันลมนั้นก็มีเพียงแต่ท่อ ฝาปิด และท่อเมน ขนาด 4 นิ้ว ซึ่งราคาก็จะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 500 บาท

 

กล้วยหอมทอง ปลูกแค่ 9 เดือน ก็เก็บขายได้

อย่างที่ทราบดีกว่า กล้วยหอมทอง จะใช้ระยะเวลาในการปลูกและดูแลเพียง 9 เดือน ก็สามารถเก็บผลผลิตส่งขายได้ แต่สิ่งที่สวนศิวิไลให้ความสำคัญมากอีกอย่างหนึ่งคือ การทำให้กล้วยของสวนออกผลผลิตพร้อมกันทั้งสวน สำหรับวิธีที่ทางสวนใช้คือ หลังจากที่ปลูกและดูแลต้นกล้วยเป็นเวลาประมาณ 2 เดือน ก็จะตัดต้นกล้วย โดยจะวัดระยะการตัดให้ห่างจากพื้นดิน ประมาณ 1 ฝ่ามือ ซึ่งการใช้วิธีการนี้นอกจากจะช่วยให้กล้วยออกเครือพร้อมกันทั้งหมดแล้ว ยังช่วยให้ง่ายต่อการดูแลและเก็บผลผลิตส่งขายด้วย

ในส่วนของขั้นตอนการเก็บผลผลิตส่งขาย…โดยปกติแล้วจะมีบริษัทติดต่อเข้ามาเพื่อขอรับซื้อกล้วยหอมทองจากสวน ซึ่งทางบริษัทจะต้องส่งคนเข้ามาทำในขั้นตอนการเก็บเกี่ยวเองทั้งหมด โดยทางสวนจะทำหน้าที่แค่เข้ามาดูและควบคุมความเรียบร้อยเท่านั้น สำหรับราคากล้วยหอมทองของสวนศิวิไลนั้น จะอยู่ที่ประมาณ กิโลกรัมละ 12.50 บาท ซึ่งเฉลี่ยแล้วที่สวนจะสามารถส่งผลผลิตออกขายได้ถึง 1 ตัน ต่อสัปดาห์ เลยทีเดียว

นอกจากการขายผลผลิตกล้วยหอมทองให้กับบริษัทต่างๆ ที่เข้ามารับซื้อแล้ว ยังมีหน่อเอาไว้ขายให้แก่ผู้ที่สนใจหรือต้องการปลูกกล้วยหอมทองด้วย โดยจะขายในราคา 30 บาท และสำหรับผู้ที่รับไปปลูกเกินกว่า 10 ไร่ ทางสวนจะรับซื้อผลผลิตคืนด้วย โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องใช้วิธีการปลูก การดูแล รวมถึงการให้น้ำในระบบเดียวกันกับที่นี่ เพื่อให้กล้วยที่ส่งขายแก่ลูกค้าเป็นกล้วยที่ได้คุณภาพและมีมาตรฐานตามแบบฉบับของสวนศิวิไลนั่นเอง

สำหรับผู้ที่สนใจอยากเข้าเยี่ยมชม ซื้อผลผลิตหรือเหง้าสำหรับขยายพันธุ์จาก “สวนศิวิไล” รวมถึงต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ คุณศิริลักษณ์ วงศ์แพทย์ หมายเลขโทรศัพท์ (082) 561-2999 และ คุณเสวก ดวงแย้ม หมายเลขโทรศัพท์ (098) 351-5569