เอนซา ซาเดน เนเธอร์แลนด์ ยักษ์ใหญ่อันดับ 6 ของโลก ด้านพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชผัก ขยายการลงทุนมาประเทศไทย

จากขวามาว้าย นายยาป มาเวอร์ริว นายวายแบพ เปตวาล และนายปันกาจ มาร์มิค

แต่งตั้งตัวแทนกระจายเมล็ดพันธุ์พืช ของ เอนซา ซาเดน ตรงสู่เกษตรกรชาวไทย พร้อมจัดทำแปลงวิจัยพันธุ์พืชถึง 2 แห่ง ณ เชียงใหม่ และราชบุรี วงการเกษตรกรรมไทย

ณ ห้องโทปาส 1 โรงแรมริชมอนด์ วันที่ 12 มีนาคม 2562 บริษัท เอนซา ซาเดน ประเทศเนเธอร์แลนด์ บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านการพัฒนานวัตกรรมเมล็ดพันธุ์พืชที่ล้ำหน้า นำโดย นายยาป มาเซอร์ริว ซีอีโอ (Mr. Jaap Mazereeuw, CEO) นักธุรกิจ เจนเนอเรชั่น 3 ของ เอนซา ซาเดน พร้อมด้วย นายปันกาจ มาร์ลิค (Mr. Parkaj Malik) ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจภูมิภาค เอนซา ซาเดน เอเชีย พร้อมด้วย นายวายแบพ เปตวาล (Mr. Vaibhav Petwal) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอนซา ซาเดน (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมกันจัดงานพบปะสื่อมวลชน เพื่อแถลงแผนการอนาคต และนโยบายการขยายการลงทุนพร้อมแผนการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย รวมถึงการตั้งสำนักงานประจำประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ตลอดจนแปลงวิจัยพันธุ์พืช เพื่อความคล่องตัวในการให้การบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับเป็นนิมิตหมายอันดี ที่ประเทศไทยจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตรที่ล้ำหน้า อีกทั้งยังเป็นการยกระดับและพัฒนาทักษะของบุคลากรด้านการเกษตร รวมถึงเกษตรกรไทยให้ก้าวทันโลก ด้วยการสนับสนุนและดูแลอย่างใกล้ชิดจากสำนักงานภูมิภาค ซึ่งตั้งอยู่ ณ ประเทศมาเลเซีย และตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ของ เอนซา ซาเดน ในประเทศฟิลิปปินส์ นับว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ 3 ในภูมิภาคเอเชีย ที่ เอนซา ซาเดน ได้เล็งเห็นถึงความมีศักยภาพและให้ความสำคัญมาตั้งสำนักงานประจำประเทศอย่างเป็นทางการ สำหรับอุตสาหกรรมด้านเมล็ดพันธุ์พืชเป็นอย่างยิ่ง

จากขวามาซ้าย นายยาป มาเซอร์ริว นายวายแบพ เปตวาล และนายปันกาจ มาร์ลิค

นายยาป ซีอีโอ เอนซา ซาเดน เปิดเผยถึงความสำเร็จของ เอนซา ซาเดน ว่า “บริษัท เอนซา ซาเดน ได้ก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก ณ เมืองเอนคูเซน (Enkhuizen) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2481 ประเทศเนเธอร์แลนด์ และดำเนินธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงต่อเนื่องมาเป็นเวลานานกว่า 80 ปี ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากการวางวิสัยทัศน์ระยะยาวได้อย่างแม่นยำ พร้อมทั้งให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่องานด้านการวิจัยพัฒนา ส่งผลให้บริษัทสามารถพัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยีการเพาะเมล็ดพันธุ์พืชที่ล้ำหน้าให้กับเกษตรกรทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง

นายยาป เปิดเผยเพิ่มเติมว่า “เอนซา ซาเดน มุ่งให้การสนับสนุนเกษตรกรทั่วโลกด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าระดับโลกที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถนำไปเพาะปลูกให้มีผลผลิตที่หลากหลายและมีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นข้อจำกัดด้านดินฟ้าอากาศและสภาวการณ์ด้านการเพาะปลูก โดยให้สามารถพัฒนาให้เข้ากับความต้องการของตลาดในแต่ละพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เอนซา ซาเดน มีความภาคภูมิใจที่สามารถสร้างสถิติการผลิตเมล็ดพันธุ์เป็นจำนวนสูงถึง 900,000 กิโลกรัม ต่อปี โดยทำการตลาดเพื่อเลี้ยงประชากรครอบคลุมทั้ง 6 ทวีปทั่วโลก ใน 25 ประเทศหลัก กระจายผ่านตัวแทน 45 แห่ง โดยมีพนักงานที่พร้อมให้บริการถึง 2,000 คน

เอนซา ซาเดน สร้างศูนย์การผลิตเมล็ดพันธุ์มากกว่า 30 แห่ง ทั่วโลก ผลิตเมล็ดพันธุ์พืชผลมากกว่า 1,200 ชนิด ด้วยสถิติผู้บริโภครายวัน กว่า 460 ล้านคน ที่บริโภคพืชผักที่ปลูกจากเมล็ดพันธุ์ เอนซา ซาเดน

ในส่วนของการพัฒนาเมล็ดพันธุ์นั้น เอนซา ซาเดน มีศูนย์การเพาะเมล็ดพันธุ์ทั้งในส่วนของภูมิภาคและในประเทศต่างๆ มากกว่า 30 แห่ง ทำการเพาะเมล็ดพันธุ์พืชผลมากกว่า 1,200 ชนิด โดยมีการเปิดตัวนวัตกรรมเมล็ดพันธุ์กว่า 100 สายเมล็ดพันธุ์ ออกสู่ตลาดเป็นประจำทุกปี จากสถิติทางการตลาด พบว่า สถิติรายวันในส่วนของประชากรทั่วโลกกว่า 460 ล้านคน มีการบริโภคพืชผลชนิดต่างๆ ที่ เอนซา ซาเดน เป็นผู้ผลิตเป็นประจำทุกวัน ยิ่งกว่านี้เมล็ดพันธุ์ของ เอนซา ซาเดน ได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจจากเกษตรกรทั่วโลก โดยเฉพาะหัวกะหล่ำและผักกาดหอม สร้างสถิติกว่า 20 ล้านหัว ที่มีการใช้เมล็ดพันธุ์ของ เอนซา ซาเดน ในการเพาะปลูกทั่วโลก ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการทุ่มเทในการค้นคว้าวิจัยเพื่อการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ให้สมบูรณ์ที่สุด โดยกว่า 30% ของรายได้ในแต่ละปีจะถูกจัดสรรเพื่องานด้านวิจัยพัฒนาโดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญและวิสัยทัศน์ในการก้าวไกลไปข้างหน้าเพื่อสร้างเสริมสุขภาพที่ดีให้กับประชากรทั่วโลก ด้วยการบริโภคพืชผักที่ปลอดภัยและให้รสชาติดี

ไวทัลลิสต์ ในเครือ เอนซา ซาเดน ยักษ์ใหญ่ด้านการพัฒนาและผลิตเมล็ดพันธุ์พืชอินทรีย์ของโลก ได้รับการการันตี รับรองให้เป็นผลิตผลออร์แกนิก 100% มากกว่า 500 สายพันธุ์

เอนซา ซาเดน คำนึงถึงความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญ มีความใส่ใจต่อสุขภาพประชากรและสิ่งแวดล้อม จึงได้ก่อตั้งบริษัทในเครือเพื่อพัฒนาด้านนวัตกรรมการผลิตเมล็ดพันธุ์พืชผลแบบออร์แกนิก ไวทัลลิสต์ (Vitalis) ที่มีความแข็งแกร่ง เป็นผู้นำในด้านการปรับปรุงพันธุ์และผลิตเมล็ดพันธุ์อินทรีย์ของโลกเพื่อการตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกที่มีความต้องการผลิตผลออร์แกนิก มั่นใจได้กับใบประกาศรับรองคุณภาพความเป็นออร์แกนิก 100% มากกว่า 500 สายพันธุ์ ผู้ปลูกเชื่อมั่น ผู้บริโภคมั่นใจ

เอนซา ซาเดน ได้เล็งเห็นศักยภาพของตลาดการเกษตรเมืองไทย จึงได้ตัดสินใจขยายการลงทุนมาประเทศไทย ทั้งนี้ นับเป็นประเทศที่ 3 ที่ได้ตั้งสำนักงานประจำประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แผนการลงทุนนั้นประกอบด้วย งบประมาณโดยตรงส่วนหนึ่ง การถ่ายทอดเทคโนโลยีพืชผลการเกษตรและองค์ความรู้การผลิตที่ล้ำหน้าให้กับเกษตรกรชาวไทย พร้อมสนับสนุนด้านอื่นๆ เพื่อช่วยส่งเสริมให้เกษตรกรชาวไทยสามารถสร้างผลกำไรได้มากยิ่งๆ ขึ้น โดยมุ่งเป้าจะสร้างเมืองไทยให้เป็นฐานสำคัญของศูนย์กลางพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชในเอเชีย ยิ่งกว่านี้ เอนซา ซาเดน ยังมีมาตรการนำทรัพยากรต่างๆ เพื่อเตรียมการพัฒนาผลผลิตให้สอดคล้องกับแนวโน้มของความต้องการด้านอาหาร ตลอดจนรูปแบบการบริโภคในอนาคตอีกด้วย

นายปันกาจ (Mr. Pankaj Malik) ผู้อำนวยการบริหารงานส่วนภูมิภาค ให้รายละเอียดว่า “การดำเนินงานของ เอนซา ซาเดน เอเชีย มีหน้าที่ดูแลตลาดสำคัญถึง 13 ประเทศ ในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ ตลาดประเทศไทย ฟิลิปปินส์ พม่า เวียดนาม ลาว กัมพูชา ปากีสถาน และศรีลังกา เป็นต้น

 

ประสบการณ์และความรู้ ตลอดจนความเข้าใจในสภาวะต่างๆ ของพื้นที่ จำเป็นยิ่ง

เพื่อให้การบริการและบริหารงานเป็นไปด้วยความคล่องตัว เอนซา ซาเดน จึงได้ก่อตั้งสำนักงานประจำประเทศไทย โดยมีการแต่งตั้งทีมงานที่มีความรู้และประสบการณ์ที่มีความเข้าใจและรอบรู้สถานการณ์ของพื้นที่โดยตรง ทำให้ เอนซา ซาเดน สามารถวิเคราะห์ความต้องการและปัญหาของเกษตรกรท้องถิ่น ตลอดจนสภาวะที่แท้จริงด้านการตลาด ซึ่งจะเป็นข้อมูลสำคัญเพื่อการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ให้เหมาะกับปัจจัยด้านดินฟ้าอากาศและภูมิประเทศ ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่คุ้มค่าการลงทุน มีคุณภาพและคุณสมบัติตรงตามความต้องการของพฤติกรรมการบริโภคชาวไทยได้เป็นอย่างดี นายปันกาจ (Mr. Pankaj Malik) ผู้อำนวยการบริหารงานส่วนภูมิภาค กล่าวปิดท้าย

 

ใกล้ชิดตลาดและผู้บริโภค

แนวโน้มด้านอาหารสุขภาพมีความต้องการมากยิ่งๆ ขึ้น หนึ่งในนี้คือ พืชผัก เป็นสินค้าหลักสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับมื้ออาหาร ยิ่งกว่านี้ยังเป็นตัวช่วยที่สำคัญสำหรับการควบคุมอาหารเพื่อการลดน้ำหนักอีกด้วย การเปิดสำนักงานประจำประเทศไทยนี้ ทำให้ เอนซา ซาเดน ใกล้ชิดตลาดและผู้บริโภคมากยิ่งๆ ขึ้น ทั้งกับเกษตรกรและผู้บริโภค ทำให้เราสามารถตอบสนองกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ได้อย่างครบถ้วนตรงตามความต้องการ

 

เมล็ดพันธุ์หลากหลายที่ดีที่สุด

นายปันกาจ กล่าวว่า “แนวทางการวิจัยพัฒนาเมล็ดพันธุ์ของ เอนซา ซาเดน นั้น เรามองข้ามปัจจุบันไปไกล โดยพัฒนาการผลิตเมล็ดพันธุ์ไกลไปถึงการครอบคลุมความต้องการในอนาคต สร้างเมล็ดพันธุ์ที่แข็งแกร่ง ทนต่อสภาวะดินฟ้าอากาศ รวมถึงการรองรับเชื้อโรคใหม่ๆ ต่างๆ และยาฆ่าแมลงที่จะมีพัฒนาการในอนาคตอีกด้วย เมล็ดพันธุ์ที่ให้ผลผลิตที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร พร้อมให้รสชาติที่ถูกปากน่ารับประทานยิ่ง เมล็ดพันธุ์ของ เอนซา ซาเดน นี้ ยังพัฒนาให้เป็นผลผลิตที่มีอายุการเก็บรักษาได้ยาวนาน ทั้งนี้ เป็นการป้องกันและลดการสูญเสียเมล็ดพันธุ์ได้เป็นอย่างดี

ทั้งหมดนี้เป็นความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์และบริการอย่างครบวงจร ตลอดทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อาหาร บริษัทมีความจริงใจในการสนับสนุนเกษตรกรชาวไทย ให้สามารถทำประโยชน์จากพื้นที่ที่มีอยู่ให้เพิ่มมูลค่าได้ทุกตารางนิ้ว พร้อมทั้งช่วยลดต้นทุนด้านแรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ จากมาตรการนี้เองเกษตรกรชาวไทยจะมีรายได้เพิ่มมากยิ่งๆ ขึ้น ในพื้นที่เท่าเดิมอย่างมีประสิทธิภาพ มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยในอาหารและความมั่นคงในชีวิต มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทั้งผู้บริโภค เกษตรกรไทย และผู้ผลิตจำหน่ายอาหารทั่วไทย

 

เกี่ยวกับ เอนซา ซาเดน

เอนซา ซาเดน เป็นบริษัทผู้นำระดับโลกด้านพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืช รูปแบบบริหารระดับสากลที่ฉีกแนวแบบธุรกิจครอบครัวอิสระดั้งเดิม พัฒนานวัตกรรมด้านเมล็ดพันธุ์ที่หลากหลายผ่านศูนย์เพาะเมล็ดพันธุ์เอนซา ซาเดน ทั้งระดับประเทศและระดับท้องถิ่น กว่า 30 แห่งทั่วโลก เมล็ดพันธุ์เอนซา ซาเดน ที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ประกอบด้วย กะหล่ำปลี มะเขือ พริกหวาน แตงกวา แรดิช และหอมใหญ่ ฯลฯ เมล็ดพันธุ์พืชผักเหล่านี้มีการเพาะปลูกและจำหน่ายไปทั่วโลก จากสถิติพบว่า ในแต่ละวัน หรือสถิติรายวัน ประชากรกว่า 460 ล้านคน ทั่วโลก มีการบริโภคพืชผักที่ปลูกจากเมล็ดพันธุ์ของ เอนซา ซาเดน บริษัทที่ทำการวิจัยพัฒนาเพาะเมล็ดพันธุ์พืชผัก ที่มีการทุ่มงบประมาณมหาศาล จัดสรรงบฯ กว่า 30% ของรายได้ในแต่ละปีเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ความพยายามนี้ได้กลับออกมาในรูปแบบของนวัตกรรมเมล็ดพันธุ์ที่ล้ำหน้าและสมบูรญ์ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ มีการนำออกสู่ตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภคทั่วโลก