เปิดอาชีพเสี่ยงตาย “รับจ้างฉีดยา” นาข้าว เผชิญ 3 สารเคมีอันตราย แลกเงิน

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ในห้วงเวลาของการลุ้นมติคณะรัฐมนตรีว่าจะแบนหรือไม่แบน 3 สารเคมีอันตรายในวงการเกษตรไทยนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้ลงพื้นที่ไปติดตามชีวิตของเกษตรกรผู้มีอาชีพเสี่ยงตาย ที่จะต้องสัมผัสกับสารเคมีอันตรายอยู่ทุกวัน นั่นก็คืออาชีพรับจ้างฉีดยาข้าว โดยไปที่หมู่ 13 ต.นางลือ อ.เมือง จ.ชัยนาท ซึ่งคนงานฉีดพ่นยาฆ่าหญ้าในนาข้าว กำลังทำงานแข่งกับเวลาอย่างขมักเขม้น แต่ละคนไม่ค่อยมีอุปกรณ์ป้องกันสารพิษเข้าสู่ร่างกาย แม้ว่าจะปรากฏข่าวว่าสารเหล่านี้ เป็นสาเหตุทำให้มีผู้ประกอบอาชีพนี้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่องก็ตาม

โดยแต่ละคนให้เหตุผลว่าไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ป้องกันสารเคมี จึงไม่รู้จะไปหาซื้อที่ไหนหรือราคาเท่าไหร่ และแม้จะรู้ว่าเป็นอาชีพที่เสี่ยงก็ยังอยากทำอยู่เพราะเป็นอาชีพที่รายได้ดีกว่าการใช้แรงงานประเภทอื่นๆ

คนงานฉีดพ่นยาในนาข้าว รายหนึ่ง กล่าวว่า เวลาทำงานจะไม่สวมรองเท้าเพราะไม่ถนัด ยิ่งถ้าใส่รองเท้าบูทจะเหยียบต้นข้าว ทำให้ข้าวเสียหาย ส่วนหน้ากากป้องกันนั้นไม่ได้ใช้ จะใช้หมวกไอ้โม่งอย่างเดียว ถามว่ากลัวสารพิษเข้าร่างกายไหม ก็กลัวแต่นี่เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ เคยทำได้สูงสุดวันละ 1,000 กว่าบาท ถ้าทีมมีน้อยคนจะได้ค่าแรงมาก ค่าจ้างคิดไร่ละ 50 บาท เวลาทำงานจะไปเป็นทีม 3-4 คน เมื่อได้ค่าแรงมาจะหารเฉลี่ยกัน เคยมีคนในหมู่บ้านใกล้เคียงทำงานแบบนี้แล้วมีอาการสารพิษตกค้างในร่างกายเสียชีวิต ตนเองรู้สึกกลัวเหมือนกัน

นายประทีป สุขคล้าย ชาวนาวัย 50 ปี กล่าวว่า คนงานรับจ้างฉีดพ่นยามีจำนวนมาก หลายที่ แต่ส่วนใหญ่จะใช้บริการของคนหมู่ 9 ต.นางลือ เพราะมีหลายชุด และอยู่ใกล้บ้าน ค่าบริการก็จะอิงราคาเรตเดียวกันหมด

เมื่อถามถึงการแบนหรือไม่แบน 3 สารเคมีอันตราย คนงานทุกคนพูดคล้ายๆ กันก็คือ ไม่รู้จะมีผลอะไรกับอาชีพคนงานอย่างพวกตนหรือไม่ เพราะไม่ว่าจะแบนหรือไม่แบน พวกตนก็ยังคงต้องขายแรงงานในอาชีพนี้ต่อไป แม้จะรู้ว่าเสี่ยงตายก็คงต้องยอม