สศก. หารือร่วมสมาชิกเอเปค ลุยแผนความมั่นคงอาหารภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก มู่งสู่ปี 2030

ผัก ผลไม้
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะทำงานเพื่อจัดทำแผนงานความมั่นคงอาหารมุ่งสู่ปี ค.ศ. 2030 (The Food Security Roadmap towards 2030) เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา สศก. ได้ร่วมประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมี Mr. Philip Houlding ผู้อำนวยการ กองนโยบายระหว่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรมพื้นฐานของนิวซีแลนด์ ในฐานะเจ้าภาพการประชุมเอเปค ปี 2564 เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยสมาชิกเอเปค 21 เขตเศรษฐกิจเพื่อหารือเกี่ยวกับการพัฒนาแผนงานความมั่นคงอาหารมุ่งสู่ปี ค.ศ. 2030 สำหรับ สมาชิกเอเปคในการพัฒนาการดำเนินงานด้านความมั่นคงอาหารในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก เมื่อต้องเผชิญกับความท้าทายที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

สำหรับแผนพัฒนาแผนงานความมั่นคงอาหาร มุ่งสู่ปี ค.ศ. 2030 กำหนดวัตถุประสงค์ 6 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) เพิ่มการมีอาหารในปริมาณที่เพียงพอมีคุณภาพที่เหมาะสมและมีคุณค่าทางโภชนาการในภูมิภาค 2) ตอบสนอง ต่อความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3) อำนวยความสะดวกทางการค้า การลงทุนและหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ 4) เพิ่มการมีส่วนร่วมในระบบอาหาร โดยส่งเสริมความก้าวหน้าในการสร้างโอกาสในด้านต่างๆ 5) เพิ่มความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทานอาหารของภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก และ 6) ส่งเสริมการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน

หลังจากนี้ ทางนิวซีแลนด์ยังได้กำหนดจัดสัมมนาในรูปแบบออนไลน์ ระหว่างวันที่ 4-7 พฤษภาคม 2564เพื่อหารือใน 4 หัวข้อหลัก คือ 1) การสร้างความยืดหยุ่นในระบบอาหารของเอเปคเพื่อลดผล กระทบและสามารถรับมือจากแรงกดดัน ความตึงเครียดจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ 2) การส่งเสริมระบบอาหารแบบองค์รวมสำหรับ SMEs สตรีและชนพื้นเมือง 3) การเพิ่มผลผลิตประสิทธิภาพและนวัตกรรม และ 4) กำหนดเป้าหมายที่ชาญฉลาดและการติดตามการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทางเจ้าภาพนิวซีแลนด์ จะนำผลลัพธ์ที่ได้จากการหารือ และข้อเสนอแนะจากการสัมมนาฯ ไปกำหนดประเด็นสำคัญเพื่อพัฒนาเป็นแผนงานความมั่นคงอาหาร โดยจะมีการรับรองแผนงานความมั่นคงอาหารมุ่งสู่ปี ค.ศ 2030 หรือ ปี พ.ศ. 2573 ในการประชุมระดับรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปคช่วงเดือนสิงหาคม 2564 ที่จะถึงต่อไป

การประชุมฯ ดังกล่าว เป็นโอกาสอันดีของไทยในฐานะสมาชิกเอเปคและรองประธานการประชุมหุ้นส่วนเชิงนโยบายด้านความมั่นคงอาหารเอเปค (APEC Policy Partnership on Food Security Meeting : PPFS) ในปี 2564 อีกทั้งจะเป็นประธาน PPFS ในปี 2565 ในการร่วมพัฒนาแผนงานความมั่นคงอาหารมุ่งสู่ปี ค.ศ. 2030 ให้แล้วเสร็จ และมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนปฏิบัติงานเพื่อให้เขตเศรษฐกิจสมาชิก ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาการดำเนินงานด้านความมั่นคงอาหารในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก เมื่อต้องเผชิญกับความท้าทายที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ไทยควรผลักดันเพื่อเป็นแนวทางในการส่งเสริมความมั่นคงอาหารในภูมิภาคเอเปค ที่สำคัญ คือการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ ทางการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ – เศรษฐกิจหมุนเวียน – เศรษฐกิจสีเขียว หรือ Bio – Circular – Green Economy : BCG Economy  รวมถึงนโยบาย “3S” ของกระทรวงเกษตรฯ ทั้งเรื่อง Safety ความปลอดภัยของอาหาร Security ความมั่นคงของภาคการเกษตรและอาหาร และ Sustainability ความยั่งยืนของภาคการเกษตร รวมทั้งการให้ความร่วมมือกับอาเซียนและนานาประเทศ เพื่อฝ่าวิกฤตโควิด-19 และวิกฤตเศรษฐกิจโลกของภาคเกษตร ซึ่ง สศก. ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบหลักด้านความมั่นคงอาหารจะร่วมมือกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง จะได้ผลักดันประเด็นเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงความพร้อมที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพเอเปค ปี 2565 ต่อไป เลขาธิการ สศก. กล่าวทิ้งท้าย