เนื้อบราซิล 11 วัน ตัดสินชะตาชาติ

อื้อฉาวใหญ่หลวง กรณีอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ของบราซิลถูกกล่าวหาว่า มีสินค้าปนเปื้อน เน่าเสีย ไร้คุณภาพ เพราะมีการติดสินบาทคาดสินบนเจ้าหน้าที่ นำมาซึ่งการระงับการสั่งซื้อจากลูกค้าทั่วโลก ขณะที่อุตสาหกรรมเนื้อเป็นรายได้หลักของบราซิล

เจองานนี้ ชัวร์ว่าบราซิลซึ่งกำลังอยู่ในสภาพย่ำแย่อยู่แล้ว ต้องตายแน่ จอดไม่ต้องแจว

แต่แล้วเรื่องอื้อฉาวปานนี้จบลงในเวลา 11 วัน ลูกค้าทยอยกลับมาสั่งซื้อสินค้าของบราซิลใหม่ จนใกล้จะเข้าสู่ภาวะปกติ

บราซิลทำยังไง มาเรียนรู้กันไว้เป็นตัวอย่าง เพราะเวลามันเกิดขึ้นกับไทย ฉันไม่เห็นคราวไหนจะจบลงง่ายดายรวดเร็วปานนี้ ต่างใช้เวลา ใช้น้ำตาและชีวิตของเกษตรกร หรือผู้เกี่ยวข้องไปสังเวยมากต่อมาก โดยที่รัฐบาลที่มีสรรพกำลัง มีนักเจรจาเป็นกองทัพ ไม่อาจช่วยได้อย่างที่เราหวัง

บราซิล เป็นประเทศใหญ่สุดในทวีปอเมริกาใต้ ขนาดใหญ่กว่าไทยกว่าสิบเท่า ประชากรเกือบ 200 ล้านคน รายได้ประชากรต่อหัวสูงกว่าไทยนิดหน่อย

บราซิล มีที่ดินกว้างใหญ่สำหรับการเพาะปลูก ส่งออกสินค้าเกษตรอยู่ในอันดับต้นของโลก ทั้งยังมีน้ำมัน มีแร่ธาตุจำนวนมาก จึงควรจะร่ำรวย และทำท่าจะร่ำรวยมาหลายครั้ง แต่ก็มีปัญหาความแตกต่างเรื่องรายได้ภายในประเทศ การคอร์รัปชั่น แรงงานมีฝีมือมีน้อย และโครงสร้างเศรษฐกิจที่ไม่มั่นคง จึงทรงๆ เซๆ อยู่เรื่อยมา ครั้งล่าสุดนี่ก็กำลังเซทีเดียว คนว่างงานพุ่งขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน รัฐบาลปวดหัวหนักกับการพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ดิ่ง

แล้วดันมาเจอปัญหาสินค้าหลักขายไม่ออกอีก อย่างนี้ควรจะจอดไม่ต้องแจวใช่ไหม?

บริษัทในอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ที่ถูกระบุว่าทำผิด ไล่กันมาตั้งแต่ยักษ์ใหญ่ อย่าง JBS SA และ BRF SA บริษัทแรกนั่นส่งเนื้อวัวและหมูออกมากที่สุดในโลก ใหญ่ที่สุดในโลก มีสาขาใน 150 ประเทศ ไล่ซื้อกิจการไปทั่วโลก มีบริษัทลูกจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก

บริษัทสองส่งออกไก่มากที่สุดในโลก ใหญ่ไม่แพ้กัน

ทั้งสองบริษัทส่งออกเกินครึ่งของที่ส่งจากบราซิลทั้งหมด แล้วยังบริษัทกลางๆ ไล่ลงไปแทบหมดประเทศแหละ ถูกรื้อหมด

การสอบสวนพบว่า มี 21 บริษัท พัวพันกับการให้สินบนเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ผ่านการตรวจสอบก่อนการส่งออก แม้ว่าเนื้อนั้นจะไม่ได้มาตรฐานส่งออกก็ตาม มีเจ้าหน้าที่ของรัฐหลายสิบคนในกระทรวงเกษตรถูกสอบสวน นักการเมืองที่เอี่ยวก็เจอปลด เข้าตารางกันรัวๆ

ผู้บริหารของ BRF ถูกจับ โรงงานหลายแห่งถูกสั่งปิด ถูกระงับใบอนุญาต แต่บริษัทก็เถียงว่าทำตามมาตรฐานแล้วทุกอย่าง แต่กระนั้นก็ยอมให้ตรวจใหม่ทุกอย่าง

บราซิล ส่งออกเนื้อเป็น 20% ของที่ขายกันในตลาดโลก และส่งเนื้อไก่เกือบครึ่งของที่ขายกันในตลาดโลก รายได้จากอุตสาหกรรมนี้เป็น 10% ของรายได้ของประเทศ

ถ้าเอาเฉพาะไก่นะ บราซิลส่งไก่ไปซาอุดีอาระเบียปีละเกือบแปดแสนตัน เนื้อเกือบสามหมื่นตัน ส่งไก่ไป อียู สี่แสนตัน ส่งไก่ไปจีนห้าแสนตัน ส่งไก่ไปสิงคโปร์หนึ่งแสนตัน และฮ่องกงเกือบสามแสนตัน พิจารณาดูจะเห็นว่านั่นตลาดบนแทบทั้งสิ้น

ตลาดทั้งหมดนั่น หรืออย่างน้อย 45 ประเทศ ยกเลิกการสั่งซื้อทันทีที่มีข่าวออกมา แต่ก็นั่นแหละทั้งหมดกลับมาสั่งซื้อใหม่ในเวลา 11 วัน แม้จะมีมาตรการตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้น แต่เขาไม่เลิกซื้อ

เพราะอะไร

เพราะเขาแสดงให้ทุกคนในโลกนี้เห็นว่าเขาแก้ปัญหาจริงจัง และอย่างฉับพลัน

คนที่ถูกกล่าวหา ไม่ว่าจะข้าราชการ นักการเมือง เอกชน ถูกจับเกลี้ยง ฝ่ายบริษัทก็ดิ้นสุดฤทธิ์ ออกโฆษณาเพื่อชี้แจงให้ผู้บริโภคเข้าใจ รัฐบาลก็พยายามจัดการกับเรื่องคอร์รัปชั่นไปโดยไม่ให้เข้ามาเกี่ยวกับการเดินหน้าของอุตสาหกรรมนี้

คือพอแยกคนที่ต้องการจับตัวหรือสอบสวนได้ ก็เอาตัวออกมา ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ปลดออกจากหน้าที่ชั่วคราว ถ้าเป็นเอกชนก็ให้บริษัทไล่ออก แล้วเอามาจัดการแยกออกไป ส่วนอุตสาหกรรมก็ให้ไปปรับมาตรฐานแล้วเดินหน้าต่อ ไม่ให้คาราคาซังกัน

เพราะประเทศลูกค้าเขาไม่ได้สนว่าคุณจะเอาใครติดคุกบ้าง เขาแค่สนใจว่าเมื่อไรเขาจะวางใจได้ว่าสินค้าคุณมันปลอดภัย

บราซิลทำให้กลุ่มประเทศที่ระมัดระวังเรื่องสุขภาวะได้เพิ่มมาตรการตรวจสอบสินค้าอย่างเข้มงวด ยอมรับในการแก้ปัญหาของเขา กลับมาสั่งซื้อในเวลา 11 วัน ถ้าไม่ทำครบเครื่องขนาดนี้ทำไม่ได้ ถ้ามัวแต่ลูบหน้าปะจมูก ซุกนั่นซ่อนนี่ ไม่มีทางจะจัดการปัญหาได้ในเวลารวดเร็วขนาดนี้

บราซิล ไม่ใช่ประเทศที่พระเจ้าส่งมาให้สวยงามอะไรนักหนา เขามีประวัติการคอร์รัปชั่นยาวเฟื้อยเหมือนกัน แต่ที่เขาต้องหันมาจัดการกับเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เพราะมันเป็นหม้อข้าวหม้อแกงของเขา ถ้าเขาปล่อยให้เรื้อรัง เขาจะไม่มีข้าวกิน

เศรษฐกิจที่ย่ำแย่มากของเขา ทำให้เขาต้องหันหลังกัดฟันสู้ เขารู้ว่าเขาเหยาะแหยะ สะง่อนสะแง่นดีดสะดิ้งไม่ได้ เพราะประเทศกำลังปริ่มน้ำ คนยากจนและคนตกงานค่อนประเทศ

ถ้าไม่ประคองอุตสาหกรรมนี้ไว้ เขาจะได้เห็นประเทศเขาจมน้ำต่อหน้าต่อตา

เมาท์กันว่า ถ้ามันเข้าที่เข้าทาง พวกที่เจอข้อหาเจอคุกตอนนี้ก็อาจถูกปล่อยหรือบรรเทาโทษกันไป แต่ก็นั่นแหละ อันนั้นค่อยไปว่ากันทีหลัง

ลองกลับมาดูอุตสาหกรรมประมง อุตสาหกรรมอาหารแช่แข็งที่เราเผชิญปัญหาบ้าง ท่ามกลางเศรษฐกิจตกต่ำย่ำแย่ เราแก้ปัญหาได้รวดเร็วทันใจ พอรักษาชีวิตพวกเดียวกันไว้ได้แค่ไหน

กว่าจะแก้ปัญหาสินค้าประมงโดนระงับ เราใช้เวลาหลายปี หลายชีวิตพลีเปล่าๆ ไปเสียมากมาย

คือฉันไม่ได้บอกว่าการแก้ปัญหาของบราซิลเป็นการแก้ไขปัญหาที่เปี่ยมจริยธรรม แต่ฉันบอกว่าเมื่อถึงตาจนคนเราสู้ได้ทุกอย่าง เพื่อไม่ให้ตัวเองกับเพื่อนร่วมชาติจมน้ำ

ขึ้นอยู่ที่ว่าเลือกจะสู้หรือไม่…

คนไทยเข้าใจเรื่องนี้ดีนะฉันว่า